กัมพูชาสั่งตัดเน็ตของไทย กระทบแก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่
จากข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ยังเดือดระอุ งสองประเทศได้เสริมกำลังทหารตามแนวชายแดน และมีการยกระดับสถานะ “พร้อมรบขั้นสูงสุด” โดยเฉพาะฝั่งประเทศไทยที่ระบุว่าหากมีการยั่วยุซ้ำจะดำเนินมาตรการทางทหารเต็มรูปแบบ
จากข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ยังเดือดระอุ ต้นเหตุในการปะทะในครั้งนี้ เกิดจากการที่ทหารกัมพูชาล้ำแนวเขตแดนจากที่เคยตกลงกันไว้ในปี 2567 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาโต้แย้งว่า ทหารของตนประจำการอยู่ในเขตแดนตามแผนที่และสิทธิ์ที่ได้รับรองในประวัติศาสตร์ภายหลังเหตุการณ์ ทั้งสองประเทศได้เสริมกำลังทหารตามแนวชายแดน และมีการยกระดับสถานะ “พร้อมรบขั้นสูงสุด” โดยเฉพาะฝั่งประเทศไทยที่ระบุว่าหากมีการยั่วยุซ้ำจะดำเนินมาตรการทางทหารเต็มรูปแบบ
รัฐบาลไทยและกัมพูชาได้ตกลงให้มีการ ถอยกำลังทหารกลับไปยังตำแหน่งเดิมตามข้อตกลงปี 2567 เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ โดยมีการนัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในวันที่ 14 มิถุนายน ที่กรุงพนมเปญ
อย่างไรก็ตาม กัมพูชาเตรียมนำคดีข้อพิพาทชายแดนในหลายพื้นที่ เช่น ปราสาทตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊จ และตาเครบย ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ขณะที่ฝ่ายไทยยืนยันจุดยืนว่า ควรใช้การเจรจาทวิภาคีและไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลกในกรณีนี้
ทำให้ทางด้านของฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ออกมาโพสต์เพื่อโต้กลับประเทศไทย ว่ารัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมกองทัพแบบประเทศของเรา โดยเสนอแนวทาง การดำเนินการของฝ่ายกัมพูชาหากไทยไม่ยอมเปิดด่านชายแดน โดยจะมีการระงับการนำเข้าสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดกัมพูชา ซึ่งหมายความว่าต้องหยุดใช้สินค้าไทยและแทนที่ด้วยสินค้าในประเทศหรือ ผลิตภัณฑ์จากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ของประเทศไทย และได้มีการเตรียมหาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างจริงจังให้กับสินค้าที่ชาวกัมพูชาเคยส่งออกมายังประเทศไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และทางรัฐบาลกัมพูชายังสั่งการให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ภายในประเทศ ระงับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีต้นทางจากประเทศไทย อย่างไม่มีกำหนด เพื่อลดอิทธิพลของไทยในพื้นที่ชายแดน และกดดันทางการเมือง ท่ามกลางความตึงเครียดกรณีข้อพิพาทเรื่องพรมแดน
จึงทำให้ทางด้าน พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เผยถึงกรณีที่ กสทช. จ่อตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตของประเทศกัมพูชา จากฐานข้อมูลของตำรวจไซเบอร์ พบว่าที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกคนไทยนั้น มีบางส่วนอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่หลายจุด ซึ่งจากกระแสข่าวที่ทางประเทศไทยจะตัดสัญญาณเน็ตของประเทศกัมพูชานั้น ก็ถือว่ามีผลกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ลักลอบใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตของไทย หรือมีการทำสัญญาเช่า-ซื้อสัญญาณอินเตอร์เน็ตของไทยที่เป็นระบบสาย แต่ก็คงไม่มีผลกระทบกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบจานดาวเทียม หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งลึกภายในประเทศกัมพูชา ส่วนจะเข้าไปตรวจสอบถึงแก๊งที่ใช้ระบบดาวเทียมนั้น คงลำบาก
และการตัดเน็ตของประเทศกัมพูชา จะมีโอกาสที่คนไทยในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของชายแดนจะขอกลับมาไทยมากขึ้นหรือไม่ พลตำรวจโทไตรรงค์บอกว่า ครั้งก่อนที่มีการลดระยะเวลาการเปิด-ปิดพรมแดน ก็มีคนไทยกลับมาเยอะ จึงเชื่อว่าหากคนไทยที่อยู่ขบวนการผิดกฎหมายก็จะกลับตัวกลับใจ และจะทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดำเนินการต่อไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันก็ใช้คนไทยหลอกคนไทย แม้ว่าแนวโน้มจะเริ่มมีการนำ AI มาใช้หลอกลวงเพิ่มมากขึ้นก็ตาม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
