6 โรคยอดฮิตที่มาพร้อมกับหน้าฝน
ช่วงหน้าฝนแบบนี้ หลายคนอาจจะชอบบรรยากาศเย็นๆ ของฝนที่กำลังโปรยปราย และกลิ่นหอมหลังฝนตกที่ชวนให้รู้สึกสบายใจน่านอนเป็นที่สุด
แต่รู้มั้ย…ว่ามีอะไรบางอย่างที่ผู้คนไม่คาดคิดตามมาด้วย นั่นก็คือ เชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็น การติดเชื้อจากละอองฝนหรือมือที่ไม่สะอาด โรคฮิตที่มาแรงทุกหน้าฝนก็มีทั้ง ไข้เลือดออก จากยุงลาย, ไข้หวัดใหญ่ และอีกหลายๆ โรคที่มากับฝน
ใครที่อยาก enjoy ช่วงฝนตกแบบสุขภาพดี ไม่ต้องป่วยบ่อย ลองมาดูกันว่าโรคไหนบ้างที่เราควรระวังในหน้าฝนนี้

6โรคยอดฮิตที่มาพร้อมกับหน้าฝน
1.ไข้เลือดออก
เมื่อมีฝนตก ก็มักจะมีแอ่งน้ำเล็กๆ หรือน้ำขังที่ไหนสักที่และนั่นคือแหล่ง เพาะพันธุ์สัตว์พาหะอันตรายอย่างยุงลาย นอกจากนี้เจ้ายุงลายยังเป็นต้นเหตุเกิดโรคไข้เลือดออกที่พลากชีวิตของคนมากมายอีกด้วย
สาเหตุ : เกิดจากติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ (DEN-1, DEN-2, DEN-3 และ DEN-4) มียุงลายเพศเมียเป็นพาหะ โดยการกัดจากคนที่มีเชื้อ ไปสู่คนอื่นที่ไม่มี
อาการ : มี 3 ระยะ คือ ระยะไข้สูง ระยะวิกฤต ระยะฟื้นตัว
- ไข้สูง 39 – 40 และเฉียบพลัน และกินยาลดไข้แล้วไม่ดีขึ้น
- ปวดหัวหนักและปวดกระบอกตา บริเวณหน้าผากหรือรอบดวงตา
- ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อและข้อ
- มีจุดแดงตามร่างกาย / เลือดออกง่าย ตามไรฟัน เป็นต้น
- คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
ป้องกัน : ทายากันยุงป้องกันยุงกัด ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เปิดพัดลม นอนในมุ้ง กำจัดแหล่งที่มีความเสี่ยงก่อเกิดยุงลาย เช่น ที่ที่มีน้ำขัง พ่นควันในพื้นที่เสี่ยงระบาด
2.ไข้หวัดใหญ่
อากาศแปรปรวนและอุณหภูมิที่เปลี่ยนกะทันหัน ทำให้บางคนร่างกายปรับตัวไม่ทัน ภูมิคุ้มกันตกกันได้ง่ายในช่วงนี้ เลยง่ายต่อการเป็นไข้หวัดใหญ่มากขึ้นนั่นเอง
ถือว่าไข้หวัดใหญ่เป็นอีกหนึ่งโรคที่คนเป็นบ่อยมากในช่วงหน้าฝนกับหน้าหนาว นั่นก็เป็นเพราะความชื้นและอุณหภูมิที่ต่ำลงจะทำให้ไวรัสอยู่ในอากาศนานขึ้นนั่นเอง
สาเหตุ : เกิดจากการติดเชื้อไวรัส อินฟลูเอนซา (Influenza virus) เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่แพร่กระจายง่ายมากทางระบบทางเดินหายใจ และคนที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ
อาการ : ไข้สูงกว่า 38.5 – 40 องศา ไข้ขึ้นเร็ว ตัวหนาวสั่น ปวดหัว ปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไอแห้ง เจ็บคอ มีน้ำมูกไหล
ป้องกัน : ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
3.โรคฉี่หนู
หลายคนอาจคิดว่า เดินลุยน้ำคงไม่เป็นอะไร แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำที่อยู่ตามถนน หรือ ดิน โคลน แม้กระทั่งคนที่ลงน้ำหาปลาในคลองที่คิดว่าไม่มีสิ่งผิดปกติ อะไรพวกนี้ อาจมีการปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของ โรคฉี่หนู
สาเหตุ : เกิดจาก เชื้อแบคทีเรียชื่อ Leptospira อยู่ในปัสสาวะของสัตว์โดยเฉพาะ “หนู” เมื่อปัสสาวะปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ดิน โคลน เชื้อก็จะสามารถอยู่ได้นานหลายสัปดาห์ เมื่อเดินลุยน้ำหรือโคลนที่ปนเปื้อนฉี่หนูแล้วยิ่งมีแผล รอยถลอกผิวหนังแตก หรือ สัมผัสที่ปนเปื้อน แล้วมาจับหน้า ขยี้ตา เชื้อก็สามารถเข้าสู่ร่างกายได้
อาการ : มี2 กลุ่ม คือ
กลุ่มไม่รุนแรง : มีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ สับสน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
กลุ่มที่รุนแรง : มีอาการไข้สูง ปวดเมื่อย มีอาการแทรกซ้อน เช่น ตาเหลือง ตัวเหลือง คอแข็ง ความดันโลหิตต่ำ ปอดอักเสบ เลือดออกผิดปกติ รายที่รุนแรงมากอาจพบเลือดออกในปอดได้
ป้องกัน : หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำตามสภาพแวดล้อมต่างๆ เพราะอาจปนเปื้อนปัสสาวะสัตว์ที่อาจมีเชื้อโรคฉี่หนู เช่น เดินลุยน้ำ แช่น้ำนานๆ ลงน้ำทั้งที่ยังมีบาดแผล ถ้าจำเป็นจริงๆ ควรใส่รองเท้าบูท
เพื่อกันน้ำ หากพบว่าลงน้ำที่ปนเปื้อนหรือเสี่ยง ให้รีบอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายโดยเร็ว
4.โรคตาแดง
เคยมั้ยกับการตื่นเช้ามา แล้วรู้สึกคันตา ตาแดง แสบ น้ำตาไหล ทั้งที่ก็ไม่ได้ทำอะไรหรือ แตะต้องดวงตาเลย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้ โรคตาแดงมักมาให้เห็นบ่อยมาก เพราะเชื้อของมันกระจายได้ง่ายขึ้น ทั้งจากละอองน้ำ น้ำสกปรก หรือแม้แต่การใช้ของร่วมกัน
สาเหตุ : การสัมผัสที่สกปรกกับดวงตา น้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา ภูมิแพ้ การระคายเคืองจาก ควัน ฝุ่น น้ำคลอรีนจะสระว่ายน้ำ การใช้คอนแทคเลนส์ไม่สะอาด การอักเสบของเยื่อบุตาขาวและเยื่อบุเปลือกตาด้านใน มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย
อาการ :
- เยื่อบุตาขาวแดง บวม อาจมีเลือดออกเป็นปื้น
- คัน เคืองตา น้ำตาไหล
- หากติดเชื้อแบคทีเรียอาจมีขี้ตาสีเหลือง
- เปลือกตาบวมแดง
- อาจมีอาการข้างเดียว หรือ 2 ข้างก็ได้
- บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาอักเสบ (Keratitis)
ป้องกัน : ล้างมือบ่อยๆ แยกของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดตัว แว่นตา เป็นต้น หมั่นรักษาความสะอาดบริเวณใบหน้าและตา หากมีคนรอบตัวเป็นตาแดง ควรเว้นระยะห่างที่ที่มีสารระคายเคือง เช่น ฝุ่น ควัน
5.โรคอุจาระร่วง
หลายคนคิดว่าการอุจาระร่วง เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเดี๋ยวก็หาย แต่ความจริงคือไม่เลย เพราะในบางที่มันร้ายแรงกว่าที่เราคิด โดยเฉพาะในหน้าฝนแบบนี้
โอกาสที่อาหารปนเปื้อนโรคก็มากตามไปด้วยทั้งจากน้ำ จากมือที่ไม่สะอาด หรืออาหารที่ไม่ปรุงสุก เชื้อโรคตัวร้ายอย่างแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิต่างๆ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายมาก และก่อให้เกิดโรค อุจจาระร่วงนั่นเอง
สาเหตุ : การกินหรือดื่มของที่ปนเปื้อนเชื้อโรค อาหารไม่สะอาด การแพ้อาหาร เกิดการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย พยาธิ หรือจากอาหารเป็นพิษ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่น้ำและอาหารมักปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย
อาการ : ถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำบ่อยครั้งกว่าปกติ (มากกว่า 3 ครั้งต่อวัน)
ปวดท้อง ปวดบิด คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย มีไข้(บางรายอาจไม่มี) ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย
ป้องกัน : กินอาหารที่ปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาด เก็บอาหารในตู้เย็นเสมอ ใช้ภาชนะที่สะอาด ระมัดระวังอาหารที่มากจากตลาดสดที่พื่นที่มีความสกปรก
6.โรค มือ เท้า ปาก
สุดท้ายกับ โรค มือ เท้า ปาก ที่เจอบ่อยในช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ซึ่งยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงพอ พอรับเชื้อเข้าไปก็เริ่มมีอาการไข้ ปากเจ็บ กินข้าวไม่ได้ และมีผื่นหรือตุ่มน้ำขึ้นที่มือ เท้า หรือก้น
แม้ว่าจะหายได้เองภายใน 7–10 วัน แต่ในบางกรณีอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น สมองอักเสบ หรือระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว อาจเกิดขึ้นได้แม้จะดูเหมือนแค่ “ไม่สบายธรรมดา”
สาเหตุ : ติดเชื้อไวรัส เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ที่พบบ่อยในเด็กเล็ก เกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับน้ำลาย น้ำมูก น้ำในตุ่มพอง ของผู้ติดเชื้อ การไอ จาม หรือหายใจรดกัน สัมผัสของเล่น พื้น โต๊ะ หรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ
อาการ : มีไข้ต่ำถึงปานกลาง เบื่ออาหาร งอแง น้ำลายไหลมากกว่าปกติ เจ็บปาก เจ็บคือ มีตุ่มแดงหรือตุ้มน้ำ ที่ปาก ฝ่ามือ ขาหรือรอบก้น (บางราย)
ป้องกัน : การรักษาความสะอาด และ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ ทำความสะอาดของใช้เด็ก หยุดการเรียนเมื่อมีอาการ
หน้าฝนแบบนี้อากาศเย็นสบายก็จริง แต่ก็แฝงมาด้วยความเสี่ยงเรื่องสุขภาพหลายอย่าง ดังนั้นสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ในช่วงนี้อย่าลืมดูแลตัวเองให้ดี พยายามหลีกเลี่ยงน้ำขัง รักษาความสะอาด กินอาหารที่ปรุงสุก และพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลไว้ก่อนดีที่สุดนะคะ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





