งบฯ69 “ขาดดุล VS เกินดุล” ต่างกันอย่างไร ดีหรือไม่
ในการเสนอร่างงบประมาณ 2569 ต่อสภาผู้แทนราษฏร วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท “นายกฯแพทองธาร ชินวัตร” ประกาศชัดเจนว่า เน้นการฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ภายใต้สภาวการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน รัฐบาลมีความจำเป็นต้องดำเนิน นโยบายงบประมาณขาดดุล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ซึ่งประเด็นสำคัญ มันอยู่ตรงนี้ “งบประมาณขาดดุล” มันหมายความว่าอย่างไร แล้วทำไม “ขาดดุล” ถึงจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่ง “พิชัย ชุณหวิชร” รองนายกฯ และรัฐมนตรี คลังชี้แจงเพิ่มเพิ่มว่า “จำเป็นต้องขาดดุล ในสถานการณ์ที่ไทยยังโตไม่พอ ต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพาในประเทศมากขึ้น”
เช่นเดียวกับ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รัฐมนตรีช่วยคลัง ระบุ การจัดทำงบประมาณขาดดุล เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่รัฐบาลบริหารงบประมาณโดยความรับผิดชอบ จะมีการขาดดุลงบประมาณน้อยลงเรื่อย ๆ
สำนักงบประมาณ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย เคยให้คำอธิบายเกี่ยวกับการทำงบประมาณเอาไว้ 3 ประเภทคือ 1. งบประมาณเกินดุล คือ งบประมาณที่ประมาณการรายรับ มากกว่ารายจ่าย,
2. งบประมาณสมดุล คือ งบประมาณที่ประมาณการรายรับ เท่ากับรายจ่าย และ 3. งบประมาณขาดดุล คือ งบประมาณที่ประมาณการรายรับ น้อยกว่ารายจ่าย และส่วนเกินของรายจ่าย จะต้องกู้ยืมมาเพื่อให้ชดเชยรายรับที่ขาดไป
“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน ระบุว่า งบประมาณ 2569 คือปีที่ 2 ติดต่อกัน ที่รัฐบาลเพื่อไทย ตั้งงบขาดดุลสูงจนเกือบชนเต็มเพดาน ส่งผลให้ต้องกู้
เพื่อชดเชยขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท และสิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่เรื่องการกู้ แต่เป็นรัฐบาลกำลังใช้เงินเกินตัว โดยไม่มีแผนการลงทุน และการหารายได้มารองรับ ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีความเชื่อมโยง
กับการสร้างศักยภาพของประเทศในอนาคต มีแต่การกู้ซ้ำ ๆ ไปลงกับโครงการเดิม ๆ ไม่ได้สร้างรายได้ ให้กับประเทศ ขณะที่ “ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุ
ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ยังไม่ตอบโจทย์เศรษฐกิจที่ต้องสู้กับสงครามการค้าตอนนี้
“อลงกรณ์ พลบุตร” ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ และ อดีต สส.หลายสมัย ระบุว่า ไทยใช้งบประมาณ แบบขาดดุล มาตั้งแต่ปี 2550 จึงทำให้เกิดปัญหาขาดดุลต่อเนื่อง และหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้น
โดยร่างพ.ร.บ.งบ 69 ขาดดุลถึง 865,000 ล้านบาท ถือเป็นระดับขาดดุลสูงสุดในรอบ 19 ปี ไทยจึงอาจเผชิญวิกฤตหนี้สาธารณะและสูญเสียศักยภาพการเติบโตในระยะยาว
โดยสาเหตุสำคัญ-องการขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง คือโครงสร้างรายจ่ายภาครัฐ งบประจำสูงเกินไป งบลงทุนน้อยเกินไป ในขณะที่หนี้สาธารณะเพิ่มเร็วเกินไป นอกจากนี้ ยังมองว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และโครงการประชานิยมของรัฐบาล ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง และขาดความยั่งยืน ซึ่งทางออกคือ ต้องลดรายจ่ายภาครัฐ และเพิ่มรายได้งบประมาณ เพิ่มรายได้ภาครัฐทุกประเภทเพิ่มรายได้จากการส่งออก และปฏิรูประบบงบประมาณอย่างจริงจัง
สำหรับการลงมติ ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระแรกจะเกิดขึ้นในช่วงเย็นของวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญว่า งบประมาณที่รัฐบาลเสนอจะได้รับการสนับสนุนจากสภาหรือไม่ ซึ่งสะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย หลังมีปัญหาขัดแย้ง”แดง-น้ำเงิน” และจะต้องมีการปรับแก้ในส่วนใดบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





