นายกฯ ย้ำ เดินหน้า “แลนด์บริดจ์”-แก้หนี้ปราบคอลฯ
นายกฯ ย้ำ เดินหน้า “แลนด์บริดจ์” บอกมีคนต้าน รัฐบาลต้องรับฟัง มุ่งแก้หนี้ครัวเรือน ปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันเรื่องของแลนด์บริดจ์ ซึ่งจากการเดินทางเยือนจีนก็ได้มีการสอบถามและขอข้อมูลเพิ่มเติมจากไทยถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จีนให้ความสนใจเรื่องนี้ ถือเป็นสิ่งที่เราต้องทำงาน ซึ่งหากแลนด์บริดจ์เกิดขึ้นการขนส่งสินค้าจะประหยัดได้เยอะมาก
เช่น การขนส่งสินค้าผลไม้มีเวลาเสียจะทำให้สามารถประหยัดเวลาการขนส่งได้ถึง4วัน เราจะสามารถส่งผลไม้ได้มากขึ้นสดใหม่มากขึ้น และสามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 15% เพราะเราส่งออกผลไม้เยอะมาก อย่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงชอบทุเรียนของไทย และมีคนจีนอีกมากที่เป็นแฟนผลไม้ของไทย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงหนี้ครัวเรือนถือที่เป็นอุปสรรคการพัฒนาประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้พยามออกมาตรการ เช่น คุณสู้เราช่วยเพื่อช่วยเหลือ ซึ่งตัวเลขการแก้หนี้ครัวเรือนเป็นการยกหนี้รายย่อยแล้ว 8.3 แสนบัญชี ทำให้หลุดออกจากการติดเครดิตบูโร และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีกครั้ง
โดยรัฐบาลชุดนี้ ได้สานต่อ เพราะถือเป็นประโยชน์อย่างมาก ซึ่งขณะนี้มีลูกหนี้ 2.6 แสนบัญชี โดยจะทำให้จบภายในวันที่ 15 มีนาคมนี้ โดยขอให้กระทรวงการคลังหารือกับแบงค์ชาติ เพื่อปรับปรุงโครงการ คุณสู้เราช่วย ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกหนี้ให้ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งคิดว่ามาตรการต่างๆจะออกมาในช่วงปลายเดือนมีนาคม นี้และจะประกาศให้ประชาชนทราบอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลยังตระหนักถึงปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงให้คนไทยข้ามไปยังฝั่งเมียนมาร์ ถือว่าเป็นปัญหาที่ยิ่งฟังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนที่ถูกหลอกหมดตัว บางคนถึงขั้นจบชีวิต จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป พร้อมได้ดำเนินการตัดไฟ ตัดน้ำมันที่ส่งไปยังเมียนมาร์และได้รับคำชื่นชมจากจีนว่าไทยเด็ดขาด และขณะนี้มีการปล่อยตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 300 คน และมีอีก 7,000 คนที่รอการปล่อยตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกันระหว่างประเทศทั้งนี้มีการรายงานว่ามีการใช้ไฟลดลง 40%
ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างมาก นอกจากนี้รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดเรื่องการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีเนื้อหาให้บริษัทโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์ร่วมกันรับผิดชอบแก่ผู้เสียหายด้วย จึงต้องเป็นการทำงานร่วมกันไม่ฉะนั้นรัฐบาลออกกฎอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำร่วมกัน และน่าจะเห็นผลเร็วเร็วนี้ หลังเริ่มบังคับใช้เพื่อให้การจัดการกับคอลเซ็นเตอร์มีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรี กล่าวได้ว่า เรื่องความเชื่อมั่นของประเทศไทย แน่นอนว่ารัฐบาลทำเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นทั้งจากต่างประเทศและคนไทยด้วย แต่ความเชื่อมั่นไม่ได้มาจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวยังมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
พร้อมย้ำว่าเรื่องคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาลร่วมมือกัน ให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ ให้เกิดผลที่ดีกับทั้งสองประเทศ อย่างที่บอกความเชื่อมั่นเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลแต่เกิดจากภาคเอกชน ประชาชน ถ้าทุกคนร่วมมือกัน เราจะมีประเทศที่พัฒนาด้านเศรษฐกิจและมีสังคมที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ดังนั้นขอความร่วมมือและขอกำลังใจจากทุกภาคส่วนให้ร่วมมือกันพัฒนาประเทศของเรา ต่อยอดขึ้นไปให้เศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อย ให้เม็ดเงินลงทุนหมุนเวียนในประเทศของเรามากยิ่งขึ้น โดยตนเองจะเดินหน้าเดินสาย เรื่องการดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศ
ซึ่งจีดีพีของประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้นเรื่อยๆ จึงขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเห็นทุกปัญหา ของทุกพื้นที่ และพร้อมสนับสนุน ให้ความร่วมมือกับประชาชนและภาคเอกชน เพื่อพัฒนาประเทศของเรา ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





