“บิ๊กเกรียง” พร้อมชิงปธ.วุฒิสภา-น้ำเงินเข้มปกป้องสถาบัน
พล.อ.เกรียงไกร รับหนังสือรับรองสว.หนักใจถูกจับตานั่งประธาน แต่พร้อม เมิน สว.สี กับอิสระสู้กันในสภา มองทุกคนมีโอกาส มาตามกระบวนการ ปัดฮั๊ว ลั่นสีน้ำเงินเข้มปกป้องสถาบัน
พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาค 4 สว. กลุ่ม 1 บริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง เดินทางมารับหนังสือรับรองการเป็นสว.ที่สำนัหงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตั้งแต่เวลา 8:13 น. และจะเดินทางไปแสดงตนต่อประธานวุฒิสภาที่อาคารรัฐสภา 10:30 น.
พลเอกเกรียงไกร กล่าวถึง การถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานวุฒิสภา ว่า รู้สึกหนักใจ และขอขอบคุณสื่อที่นำเสนอให้ตนเป็นหนึ่งในแคนดิเดตชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา แต่ความตั้งใจที่มาเป็นสว.เพราะอยากทำงานด้านความมั่นคงมากกว่า โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นงานที่ต่อเนื่องและตนคิดว่า น่าจะใช้ประสบการณ์ความรู้ที่ผ่านมาไปแก้ไขปัญหาให้กับภาคใต้ ให้เกิดสันติสุขอย่างถาวร
ส่วนกรณีที่มีสว.กลุ่มสีและสว.กลุ่มอิสระ จะสู้กันในสภานั้น พลเอกเกรียงไกร มองว่า ทุกคนมีโอกาสและทุกคนมีองค์ความรู้ในหลากหลายกลุ่มอาชีพทั้ง 20 กลุ่ม ซึ่งในกระบวนการการเลือก ถือว่าครอบคลุมหลากหลายทุกคนมีประสบการณ์ในอาชีพของตนเอง และก้าวเข้ามาอาสาที่จะดูแลประชาชนอาชีพของตนเอง ซึ่งเป็นบริบทของสมาชิกวุฒิสภา
ขณะที่พลเอกเกรียงไกรเป็นอดีตข้าราชการทหารจะถูกมองไปอีกมุมหนึ่งหรือไม่นั้น พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า คงไม่เป็นไร เพราะอยากทำหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง พร้อมย้ำอยากใช้ประสบการณ์ที่เคยเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 มาทำให้เกิดสันติสุขในภาคใต้ แต่กระบวนการที่จะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายเป็นเรื่องของความแตกต่าง ยืนยันว่ารับได้เพราะความหลากหลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดกระบวนการที่นำไปสู่จุดหมายเดียวกัน มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากรับฟังความเห็นของคนอื่นก็จะทำให้เกิดความรอบครอบมากยิ่งขึ้น
พลเอกเกรียงไกร ยังกล่าวถึงการทำงานของสว.ชุดใหม่ในอนาคตว่า คิดว่าความหลากหลายจาก 20 กลุ่มอาชีพทำให้ความได้เปรียบในเชิงการปฏิบัติของผู้คน และการกลั่นกรองของสว.ชุดใหม่และกลุ่มที่ถูกจัดตั้งมานั้น ขอให้มองย้อนกลับไปที่กระบวนการที่ถูกกล่าวหาว่า ฮั้ว ตนคิดว่ามีทุกกลุ่ม การเข้ามาสู่กระบวนการเลือกสว.อยู่ในห้วงเวลาที่จำกัด ไม่มีเวลาหาเสียงจึงใช้การโทรหาผู้สมัครด้วยกันสะส่วนใหญ่หรือรวมกลุ่มกันเพื่อเสนอโอกาสของตัวเอง คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ส่วนมุมมองต่างๆหรือข้อท้วงติงของสังคม ก็อยู่ในกระบวนการตรวจสอบต่อไป
ส่วนการกินรวบตำแหน่งของสว.เสียงข้างมากนั้นเป็นเรื่องไม่แน่นอน ขอให้รอดูในวันเปิดการประชุม อย่างไรก็ตามกระบวนการประชาธิปไตยก็ต้องยอมรับในเสียงส่วนมาก แต่ต้องไม่เพิกเฉยต่อเสียงส่วนน้อยรับฟังและนำมาเป็นจุดที่จะนำไปสู่เป้าหมาย
เมื่อถามว่าหากมีคนเสนอชื่อเป็นประธาน มีความพร้อมหรือไม่พลเอกเกรียงไกร กล่าวเพียง “ก็แล้วแต่นะครับ แล้วแต่หมวดหมู่สมาชิก” และมองว่าผู้ที่เป็นประธานวุฒิสภาต้องมีความเชี่ยวชาญหลายอย่างรอบรู้ทางด้านกฎหมายและมีวุฒิภาวะเป็นที่ยอมรับ ส่วนจะเป็นนักกฎหมายหรือนักบริหารก็แล้วแต่สมาชิก ทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอใครก็ได้และคิดต่างกันได้ แต่ก็ต้องยอมรับในกระบวนการตกลงใจกัน ทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอใครก็ได้ สมาชิกวุฒิสภา 200 คน มีโอกาสทุกคน คนที่เป็นประธานต้องรู้ระเบียบข้อบังคับการประชุมต่างๆ ส่วนตัวยังไม่ได้มีโอกาสดูว่าวุฒิสมาชิก 200 คนมีใครเคยเป็นสว.แล้วบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่คุณเคย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพราะฉะนั้นเป็นบทบาทใหม่ที่เราต้องเรียนรู้กันในกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ รวมถึงหลักการในการทำงานต่างๆ
เมื่อถามว่าวุฒิสภาจะทำเป็นสภาพี่เลี้ยงของสภาผู้แทนได้หรือไม่ พลเอกเกรียงไกร กล่าวว่า ตนมองว่าหากทุกคนมี วุฒิภาวะมีความรู้สึกสำนึกในหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ ต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนคาดหวัง คิดว่าทิศทางนั้นจะเป็นไปด้วยดี
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนเป็นหนึ่งในสว.มีสี พลเอกเกรียงไกร ระบุว่า “ผมสีน้ำเงินเข้มอยู่แล้วครับ หมายถึงว่าผมมาจากทหาร และสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





