เจ๊งเพิ่ม – ขาดทุนยับ วิกฤตน้ำมันแพง
เจ๊งเพิ่ม – ขาดทุนยับ วิกฤตน้ำมันแพง
น้ำมันแพง สินค้าขึ้นราคา คือ ปัญหาใหญ่ของประชาชน ที่รัฐบาลกำลังเผชิญ นั่นเพราะเชื่อมโยงกับคะแนนนิยมที่อาจมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอนว่าการคุมสถานการณ์ด้วยการออก 10 มาตรการช่วยเหลือประชาชน ทั้งในเรื่องของก๊าซหุงต้ม ค่าไฟ ตรึงราคาน้ำมัน จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลเร่งดำเนินการแต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากวิกฤตราคาพลังงาน ก็ยังส่งผลต่อระบบขนส่งธารณะด้วยเช่นกัน ซึ่งในฝั่งของรถร่วมเอกชน ที่ใช้ทั้งน้ำมันและใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิงหลักก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
โดยนายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมเอกชน รถโดยสารร่วมบริการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ( รถร่วม ขสมก.) บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ปัจจุบันรถร่วมเอกชนที่ให้บริการ ในเส้นทางกรุงเทพ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หยุดวิ่งไปหลายเส้นทาง ประกอบกับการที่กรมการขนส่งทางบก และ ขสมก.ได้ปฏิรูปเส้นทางเดินรถใหม่ ส่งผลต่อจำนวนรถที่บริการลดลง ซ้ำเติมด้วย ราคาน้ำมันแพง ที่เป็นต้นทุนหลักของผู้ประกอบต้องแบกภาระเพิ่มขึ้น
ในขณะที่รายได้ลดลง เพราะประชาชนเดินทางน้อย ตัวเลือกในการใช้ระบบขนสาธารณะมีมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนไม่ไหวหยุดให้บริการกว่า 50% แม้จะปรับขึ้นค่าโดยสารแต่ปัจจุบันสินค้ามีราคาแพง ค่าครองชีพสูง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรถึงจะสามารถประคับประคองให้ผ่านไปได้ในช่วงภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่
เช่นเดียวกับเรือโดยสารคลองแสนแสบ ก็ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเช่นกัน โดย นายเชาวลิต เมธยะประภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเดินเรือโดยสารคลองแสนแสบ บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. เช่นกันว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเกินกว่าลิตรละ 25 บาท จำนวนผู้โดยสารลดลงจากวันละ 50,000คน เหลือวันละ 9,000-10,000คน ส่งผลทำให้การให้บริการขาดทุนทุกเดือนเดือนละ 3-5 ล้านบาท แม้จะปรับขึ้นค่าโดยสาร แต่ต้นทุนก็ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถือว่าปรับตัวสูงขึ้นมาก เทียบกับรายได้
ขณะที่ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยกับ ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า จาก สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้นั้น ได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่าหารือกับผู้ประกอบการเรือโดยสารขอความร่วมมือในการชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสาร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน
ด้านผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสามารถเสนอมาตรการที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือเข้ามาได้เพื่อหาทางช่วยเหลือ โดยกรมเจ้าท่าและกระทรวงคมนาคมจะพิจารณามาตรการการช่วยเหลือตามความเหมาะสมและให้ผู้ประกอบการนั้นได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
นับว่าเรื่องของราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบรอบด้านไม่เว้นแม้แต่ภาคการขนส่งสาธารณะที่ต้องใช้น้ำมันเป็นหลัก แม้จะปรับอัตราค่าโดยสาร แต่ราคาต้นทุนแพงแซงหน้าไปแล้ว จากนี้ต่อไปคงต้องติดตามทั้งท่าทีของฝั่งผู้ประกอบการและรัฐบาลด้วยว่าจะร่วมกันแก้ไขปัญหาราคาพลังงานแพงเหล่านี้อย่างไร เพราะทุกอย่างเชื่อมโยงกับค่าครองชีพของประชาชนนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





