หุ้นแผ่ว-ลดเยียวยา เร่งลงทุนกระตุ้นศก.
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยของรัฐบาล ที่ในวันนี้ มีทั้งศึกนอก-ศึกในเข้ามาปะทะ ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่สงบ หนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เชื่อมโยงมายังประเทศไทย ที่ต้องใช้น้ำมันแพง ส่งผลต่อราคาสินค้าเรียงหน้าขยับ เงินเฟ้อพุ่ง
ขณะที่โควิด-19 แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลง ต่ำกว่าหมื่นคนต่อวันแล้ว แต่มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดยังส่งผลกดดันต่อการฟื้นตัวกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศอยู่
ขณะที่โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ซึ่งจบลงเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา จะสร้างการจับจ่ายใช้สอยได้มากถึง 6.1 หมื่นล้านบาท และกระทรวงการคลัง บอกว่า มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 และ 2 รวมทั้งจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ประเมินว่า ด้วยเงินทุนกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีเหลือจำกัดราว 7.4 หมื่นล้านบาท ทำให้การผลักดันโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง
ดังนั้น นโยบายการคลังในช่วงที่เหลือของปีนี้ ภาครัฐจะเน้นไปที่ ลดมาตรการเยียวยา แต่จะเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนมากขึ้น หลักๆ ดังนี้
1. ผ่อนคลายการเดินทาง ฟื้นฟูการท่องเที่ยว
2. ขยายการลงทุนโครงการพื้นฐานเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้ทาง รฟม. ได้เปิดซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน–ราษฎร์บูรณะ วงเงินกว่า 8.2 หมื่นล้านบาท และกระทรวงคมนาคมยังมีแผนผลักดันอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม, สีเหลือง, สีชมพู รวมไปถึงโครงการรถไฟทางคู่เฟสแรก และอื่นๆอีก 25 โครงการ มูลค่ารวม 9.74 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตามภาระทางการคลังของรัฐเพิ่มขึ้น จะทำให้ระดับหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มขึ้นตาม โดยปัจจุบันไทยมีหนี้สาธารณะ 9.83 ล้านล้านบาท ราวระดับ 60.2% ต่อ GDP ถ้าวัดจากเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ 70% จะเห็นได้ว่ายังมีช่องว่างที่รัฐสามารถกู้เพิ่มมากระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 1.6 ล้านล้านบาท
และสำหรับตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นกระจกเงาสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุน ก็พบว่า ในเดือนพ.ค. มีปัจจัยแวดล้อมที่ต้องติดตาม ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน, การเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด, โควิด-19 ในจีน รวมถึงราคาน้ำมัน ซึ่ง “นายไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ค.ยังมีความผันผวนสูง
(ปล่อยเสียง – นายไพบูลย์-01)”ทิศทางหุ้นไทยก็คงเหมือนกับทิศทางตลาดหุ้นโลกในช่วงสั้นๆ นี้ ผมคิดว่าความผันผวนก็ยังสูงอยู่ การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ก็เป็นปัจจัยต่างประเทศ ทั้งเรื่องของราคาพลังงาน เรื่องของสงครามที่เกิดขึ้น เรื่องของเฟดที่จะขึ้นดอกเบี้ย หรือจะทำ QE มากน้อยแค่ไหน หรือจะขึ้นดอกเบี้ยที่ละ 50 สต.เลยหรือไม่อย่างที่คาดเดากัน หรือจะเอามากกว่านั้น
และหลายๆประเทศจะทำตามไหม รวมไปถึงจีน ปัญหาโควิดในจีนที่ทำการล็อกดาวน์ ก็มีผลมากต่อเรา เพราะจีนเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ของเรา เดือนพ.ค.เอง ผมคิดว่าตลาดหุ้นไทย คงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ถามว่าดาวน์ไซด์เยอะไหม ก็คงไม่ได้ลงอะไรมากมาย เพราะว่าจริงๆแล้ว บริษัทจดทะเบียนของเราก็ยังแข็งแกร่งอยู่ แล้วก็ราคาหุ้นเราก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับพื้นฐาน อัพไซด์ก็คงจะยังไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากมาย คงต้องรอให้ความไม่แน่นอนในเรื่องของดอกเบี้ย ในเรื่องสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปก่อน”
จากนี้ต่อไปจะต้องติดตามสถานการณ์โลกที่เชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งหมดนี้ ย่อมมีผลต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลและงบประมาณในการบริหารประเทศนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews