fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

นายกฯคุยร่วมมือเกาหลี -ถกศบค.ปรับลดมาตรการพรุ่งนี้

นายกฯทำงานทำเนียบ พร้อมหารือเกาหลีใต้ฯ ผลักดันความร่วมมือทุกมิติร่วมกัน ด้านวิษณุ ชี้ช่องร้องป.ป.ช.ปม”จุรีพร” รับรองเท้าแบรนด์เนมเกิน 3,000 บาทแนะให้คืนเจ้าของหรือยกเป็นของหลวงดีที่สุด

 

 

ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม? ในวันนี้ ได้เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาลตามปกติโดยได้มีการหารือกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประจำประเทศไทยคนใหม่ และหวังว่า ทั้งสองประเทศจะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม

 

จากผลกระทบของการแพร่ระบาดควิด-19 โดยเชื่อมั่นว่าการปฏิบัติหน้าที่เชิงรุกของเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ฯ จะช่วยสนับสนุนความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้กว่า 10 ปี ให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมร่วมมือในทุกด้าน ขณะที่เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ กล่าวว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่พร้อมสานต่อความสัมพันธ์ ความร่วมมือ ตลอดจนพร้อมสนับสนุนบทบาทไทยในการจัดการประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในปีนี้ด้วย

ส่วนความเคลื่อนไหวในประเด็นการเมือง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการระบุถึงกรณีที่นางจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมือง รับรองเท้าแบรนด์เนม ซึ่งมีมูลค่าเกินกว่า3,000 บาท ว่า ต้องมีการตรวจสอบ แต่ไม่ถึงขั้นต้องดำเนินคดี เนื่องจากเป็นกฎหมายของ ป.ป.ช. มีการกำหนดว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่สามารถรับของที่มีมูลค่าเกินกว่า3,000 บาทได้

 

ซึ่งหากใครพบเห็นหรือรู้เรื่อง สามารถร้องไปที่ ป.ป.ช.ได้ และทาง ป.ป.ช. จะแจ้งมายังผู้บังคับบัญชาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ หากรับมาแล้วไม่รู้มูลค่าของสิ่งของที่รับมาก็สามารถนำไปคืนได้ ทั้งคืนกับเจ้าของ? โดยยกตัวอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่นำแหวนคืนเจ้าของ หรือคืนกับหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้เป็นของหลวงถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่จะมีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ

 

และเมื่อถามย้ำว่าโดยทั่วไปสินค้าแบรนด์เนมจะ มูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท และเจ้าตัวอาจจะรู้มาก่อนนั้น ก็เป็นไปได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสามัญสำนึก ส่วนการอ้างว่าไม่รู้ราคามีก็สามารถอ้างได้ แต่ต้องดูถึงความสมเหตุสมผล

สำหรับการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิค 19 โดยในวันพรุ่งนี้ จะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งพล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. เปิดเผยว่าจะมีการพิจารณาปรับมาตรการการเข้าประเทศตามสถานการณ์ เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางเข้าประเทศมีอยู่ 2 แนวทาง คือ

 

กักตัวสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน และระบบ Test & Go ของผู้ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ทั่วโลกก็มีการผ่อนคลายและพิจารณาเรื่องนี้มาโดยตลอด และทางศปก.ศบค.ได้เตรียมมาตรการมาเสนอ เพื่อให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนจะมีการปรับมาตรการให้รัดกุมมากขึ้น พร้อมย้ำว่าสะดวกแต่ต้องรัดกุม

 

ส่วนข้อเสนอที่ไม่ต้องตรวจหาเชื้อจากต่างประเทศนั้น มีอยู่หลายแนวทาง แต่ในอีกมิติหนึ่งในหลายประเทศ กลุ่มอาเซียนและประเทศส่วนใหญ่ให้มีการตรวจจากประเทศต้นทาง เมื่อเดินทางเข้าประเทศมาจะเดินทางได้อย่างสะดวกแต่การตรวจจากประเทศต้นทางมีข้อกังวลจากหลายส่วน เนื่องจากต้องการสร้างความมั่นใจว่าเดินทางเข้าประเทศมาแล้วจะต้องเป็นผู้ที่ปลอดเชื้อแน่นอน

 

จึงมีการกำหนดให้ตรวจหาเชื้อในประเทศ แต่จากการประเมิณสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้าประเทศน้อยมาก จึงอาจจะมีการปรับ โดยนายกรัฐมนตรี? ได้ให้แนวทางการพิจารณาให้รอบคอบ

 

สำหรับการปรับรูปแบบการเดินทางเข้าประเทศต้องดูหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งการอำนวยสะดวกทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ในกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ ซึ่งถือมีความสำคัญมากๆจึงจำเป็นต้องพิจารณาในทุกมิติ

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube