fbpx
Home
|
คลิปข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวต้นชั่วโมง 14.00 น.

ศบค.ปัดห้ามแลปตรวจโควิด จ่อให้วอล์กอินตรวจ ลุยใช้สุวรรณภูมิทำรพ.สนาม ห่วงสายพันธุ์เดลตาป่วยพุ่ง ขณะฉีดวัคซีนทั่วประเทศรวม 11 ล้านโดส

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เผยว่า ที่กรุงเทพมหานครพบคลัสเตอร์ใหม่ 2 แห่ง คือ ที่เขตมีนบุรี เป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งมีผู้สูงอายุ 38 รายพบติดเชื้อทั้งหมด 6 ราย และที่เขตบางนาที่บริษัทผลิตจิวเวอรี่ โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานครพบคลัสเตอร์รวม 118 แห่ง

โดยในที่ประชุมมีการพูดคุยถึงผู้ป่วยที่รอเตียงโดยพื้นที่ กทม. ผู้ป่วยสีแดงมี 40-50 รายต่อวัน, ผู้ป่วยสีเหลือง 200-300 รายต่อวัน และผู้ป่วยสีเขียวมี 300-400 รายต่อวัน โดยที่ประชุมมีการพูดคุยถึงมาตรการจัดการ 2 ส่วน คือการเพิ่มศักยภาพคนส่งผู้ป่วยไปยังศูนย์บริการให้ตามความสำคัญ ส่วนเรื่องการขยายศักยภาพการรองรับเตียง รวมถึงการตั้งโรงพยาบาลสนามระดับสูงในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นโดยใช้เวลาเตรียมสถานที่ 3 สัปดาห์ คาดว่าจะเปิดใช้ได้ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 5,000 เตียง โดยเป็นเตียงสำหรับผู้ป่วยวิกฤติสีแดง 1,360 เตียง รวมถึงจะมีการจัดการเตียงให้เพิ่มปริมาณขึ้น

แพทย์หญิงอภิสมัย กล่าวถึงกรณีมีคนร้องเรียนจำนวนมาก ไม่สามารถหาจุดตรวจเชื้อโควิดได้ทาง ศบค.จะมีการปรับแผนให้เข้ารับการตรวจอย่างไร ว่า ในเรื่องการตรวจแลป หรือทางห้องปฏิบัติการมีประชากรจำนวนมากสงสัยว่าติดเชื้อหรือไม่ และเข้ารับการตรวจ ซึ่งหลายคนไปโรงพยาบาลและมีการปฏิเสธการตรวจ ซึ่งย้ำว่า รัฐไม่ได้ห้ามการตรวจ โดยที่ประชุมพูดย้ำเสมอว่าแต่ละที่ตรวจต้องมีมาตรฐาน แต่ไม่ใช่ว่าแลปส่วนใหญ่ไม่มีมาตรฐานซึ่งมีการตรวจแบบ rapid taste หากเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือมีเชื้อผล rapid taste นี้จะมีผลบวก แต่พบว่าความไวของการตรวจค่อนข้างต่ำ ซึ่งบางทีผู้ที่ตรวจมีผลเป็นลบแต่จริงๆมีการป่วยโควิด-19 หรืออาจจะไม่มีการป่วยแต่มีผลเป็นบวกจึงมีความเป็นห่วงเรื่องมาตรฐานในการตรวจ

ทั้งนี้ในระยะอันใกล้นี้จะมีการเปิดศูนย์นิมิบุตรให้กับผู้ที่วอล์กอินเข้าไปตรวจหาเชื้อขอให้ติดตามการรายงานต่อไป

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube