Home
|
ข่าว

เร่ง “อิ๊งค์” โด๊ปศก. อัพสกิล แจกเงินหมื่นเฟส3

 

 

 

ยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว สำหรับนโยบายแจกเงินหมื่นของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ได้ล่าสุดกดปุ่มโอนเงิน 1 หมื่นบาท ในเฟสที่ 2 ให้กับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปกว่า 3 ล้านคน ผ่านบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเดินหน้าในเฟสที่ 3 ต่อไป

 

 

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอที่น่าสนใจจาก “รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์” นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ที่ให้ความเห็นกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงนโยบายและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดย “รศ.ดร.สมชาย” กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งสำคัญของการกระตุ้นนั้น รัฐบาลจะต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วย

 

“แต่สิ่งที่รัฐบาลยังจะต้องทำต่อ ทำอย่างไงถึงจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการถาวร เพราะฉะนั้นการที่จะทำแบบนี้ จะต้องพัฒนา 2-3 เรื่อง พัฒนาเรื่อง Infrastructure เพื่อที่จะให้เกิดความสามารถในการแข่งขันในด้านนึง ซึ่งในส่วนนี้ก็เกี่ยวข้องกับหลายๆเรื่อง Infrastructure ก็ส่วนนึง จะเกี่ยวข้องกับอีอีซี ยิ่งตอนนี้เราจะเห็นได้อย่างหนึ่งก็คือ เป็นครั้งแรกที่มีการเข้ามาขอบีโอไอ ตัวเลขสูงเป็นประวัติการณ์ เพราะฉะนั้นถ้ามีการเร่งอันนี้ก็จะช่วยในเรื่องการดำเนินมาตรการด้วย”

 

นอกจากนี้ “รศ.ดร.สมชาย” กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่าง ที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการ ก็คือ การอัพสกิลให้กับแรงงาน

 

“อัพสกิล การอัพสกิลก็คือ ทำให้แรงงานมีคุณภาพในลักษณะที่นำไปสู่เทคโนโลยี ซึ่งเรื่องนี้จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ซึ่ง 400 บาทถ้าคุณทำคู่ขนานไปกับเรื่องอัพสกิลในตัวนี้ผลกระทบจะน้อย 400 บาทจะถูกวิจารณ์ 400 บาทแจก แต่ไม่ได้มีการอัพสกิล เพราะฉะนั้นตัวนี้ถ้ามีการอัพสกิลก็จะตอบโจทย์ในส่วนที่รัฐบาลยังทำไม่เต็มที่ เป็นการปรับขีดความสามารถของเศรษฐกิจทั้งในเชิงของตัว Infrastructure กับเชิงในเรื่องของทรัพยากรมนุษย์”

 

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ล่าสุด กระทรวงการคลัง โดย “นายพรชัย ฐีระเวช” ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง มีมุมมองในเรื่องดังกล่าว โดย “นายพรชัย” กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีโอกาสขยายตัวได้สูงกว่าร้อยละ 3 หากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศเอื้ออำนวยรวมถึงมีการเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินของนโยบายต่าง ๆ อย่างเต็มที่ ประกอบด้วย

 

1) การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568 ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน

 

2) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายของประชาชนผู้ได้รับสิทธิภายใต้โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ในเฟสที่ 3 เพื่อทำให้เม็ดเงินทั้งหมดถูกใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่และทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากที่สุด

 

3) การเร่งรัดการลงทุนในโครงการบ้านเพื่อคนไทยเพื่อให้เกิดการลงทุนตามแผนงาน

 

4) การกระตุ้นการท่องเที่ยวในภาพรว และ 5) การเร่งรัดโครงการการลงทุนของภาคเอกชนหลังได้รับการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว

 

ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.9 ต่อปี โดยได้แรงสนับสนุนหลักจาก

 

1) การฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว 2) การบริโภคภาคเอกชนที่ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น

 

และ 3) มูลค่าการส่งออกสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.9 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจภายใต้การนำของนายรัฐมนตรี “แพทองธาร” อย่างใกล้ชิด เพราะทุกการขยับย่อมส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นซึ่งยึดโยงกับคะแนนนิยมของนายกฯนั่นเอง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube