fbpx
Home
|
ข่าว

“SAVEหมอ”วัคซีนสู้โควิด

“SAVEหมอ”วัคซีนสู้โควิด

@ยังคงพุ่งแรงต่อเนื่อง กับยอดโควิด ที่วันนี้(5ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6,166 ตาย50 สะสม 289,233 ในขณะที่ประเด็น“ระบบสาธารณสุข”ที่เกิดปัญหาตั้งแต่สัปดาห์ทั้งปัญหาโรงพยาบาลเตียงเต็ม โรงพยาบาลไม่รับตรวจ และแลปต่างๆ ชะลอการตรวจเพราะระบบไม่โฟร์กลายเป็น“คอขวด” เพราะหากตรวจพบเชื้อโรงพยาบาลต้องรับเข้ารักษาแต่ด้วยปริมาณผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงระดับ 5-6 พันต่อเนื่อง ที่ทำให้เกิดผู้ป่วยหนักต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและห้องICU มากตามไปจนไม่ทัน ทำให้เกิดภาพ คนติดโควิดนอนรอเตียงที่บ้านเสียชีวิต และเริ่มปรากฏภาพ“อาการโหลดหนักจนไม่ไหว”ของ“บุคลากรทางการแพทย์”มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งโรงพยาบาล“ไข่แดง” กรุงเทพและต่างจังหวัด ที่เริ่มมีภาพ“วนลูป”ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ติดโควิดจนต้องปิดวอร์ดและปิดห้องฉุกเฉิน ไม่แต่เฉพาะที่ จ.เชียงราย สัปดาห์ก่อนที่แม้ฉีดวัคซีน“ชิโนแวค”ครบ 2 เข็มก็ยังติด“พันธุ์เดลต้า”ไม่นับรวมเริ่มมีการรายงาน “บุคลากรทางการแพทย์เสียชีวิต” จากโควิด ที่ส่งผลสะเทือนต่อขวัญกำลังใจไม่น้อย ขนาด หมอรองปลัด สธ.ยังยอมรับทั้งน้ำตากับ”หมอจบใหม่”ที่ถูกระดมมาสู้ศึกโควิดทันทีว่าสถานการณ์หนักมากแล้ว

@แต่ที่ดรามาเป็น“ประเด็น”ในช่วงวันหยุดจนมาถึงวันนี้ คือประเด็น“วัคซีนทิพย์”ที่รัฐบาลมีปัญหาการบริหารจัดการทั้งการ“จัดหา”และ“การกระจาย”จนถูกประชาชนต่อว่า ที่ผลเริ่มมาบานปลายที่ “หมอหน้างาน”จากการ“กลายพันธุ์โควิด”จาก“สายพันธุ์อัลฟา”เป็น“เดลต้า” ที่ระบาดแรงเร็วดังยอดรายวันที่พุ่งสูง เพราะวัคซีนชิโนแวคที่ฉีดให้กลุ่ม 1 และ 2 บุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ กลุ่ม 7โรคเสี่ยงเป็นส่วนใหญ่ “เอาไม่อยู่” กับ“เดลตา” ที่นอกจากจะมีประเด็น “วัคซีนหลัก” อย่าง “แอสตราเซเนกา” ที่เราสั่งจอง 61 ล้านโดส ที่ทางบริษัทแอสตราฯ อ้างโรงงานในไทย มีกำลังผลิต 15 ล้านโดสต่อเดือน จะส่งให้ไม่ได้ตามที่ ทางการไทยวางแผนตามโรดแมปเปิดประเทศ 120 วันคิกออฟวัคซีน 7 มิ.ย. ที่“นายกฯลุงตู่”ประกาศไว้คือเดือนมิ.ย. 6 ล้านโดส ก.ค.-พ.ย.เดือนละ 10 ล้าน โดส ธ.ค. 5 ล้านโดส โดยอาจให้ไทยได้แค่ประมาณ 5 ล้านโดสที่เหลือ 10 ล้านโดสต้องส่งออกให้ 8 ประเทศ

@โดยประเด็น “ดรามา” ยังเกิดกับ “วัคซีนทางเลือก”ระดับ“พรีเมียม”อย่าง “ไฟเซอร์”และ“เมอเดอร์นา”ที่นอกจากมีปัญหารัฐบาลถูกตั้งคำถามความล่าช้าระบบราชการและขาดการประเมินสถานการณ์จนเข้าสู่โซนอันตราย แล้ว ยังมีประเด็น “ดาร์ม่า” การ “เซฟหมอหน้างาน” โดยในราย“ไฟเซอร์”นั้นมีคิวที่สหรัฐบริจาดให้ไทย 1.5 ล้านโดส ที่มาเกิดปัญหา “เสียความรู้สึก” ของ “หมอหน้างาน” ขึ้นเมื่อปรากฏมี “เอกสารบันทึกประชุมกรรมการวิชาการ” หลุดออกมา โดยข้อความที่ “หมอหน้างาน”คาใจคือ ในข้อ 10 ที่ระบุ ในเอกสารมีการระบุข้อคิดเห็นขององค์ประชุมท่านหนึ่งระบุว่า ในขณะนี้ถ้าเอามาฉีด (Pfizer) กลุ่ม 3 แสดงว่าเรายอมรับว่า Sinovac ไม่มีผลในการป้องกัน แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้นขณะที่มีรายงานว่า การประชุมของคณะกรรมการ แจ้งว่าเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีวัคซีน Pfizer เข้ามาในประเทศไทยจำนวน 1.05 ล้านโดส จึงมีการพิจารณาว่า จะจัดสรรให้กับคนกลุ่มไหนดี ใน 3 กลุ่มได้แก่ 1. กลุ่มอายุ 12-18 ปี 2. กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับวัคซีน คือ อายุเกิน 60, มีโรคประจำตัว, ตั้งครรภ์ 3. กลุ่มบุคลากรการแพทย์ เป็นการกระตุ้นเข็ม 3 โดยมติที่ประชุม สรุปว่า ควรให้ฉีด Pfizer จำนวน 1.05 ล้านโดส เป็นวัคซีนเข็มที่ 1 ทั้งหมดแก่ กลุ่มในข้อ 2 คือ ผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป ,หญิงตั้งครรภ์ ในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง คือ กทม. และปริมณฑล

@โดยประเด็น “เหตุผล” ในเอกสารข้อ10 แม้จะมีการปฏิเสธจาก “อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารจริง!! ในขณะที่ รมว.สธ. “อนุทิน”ยอมรับว่าเป็นเอกสารจริง แต่ความหมายไม่ได้ปัดตกข้อเสนอฉีดเป็นเข็มที่ 3 ให้บุคลาการทางการแพทย์ เป็นเพียง “ความเห็น”ของคณะกรรมการวิชาการ ยังไม่ใช่มติ แต่ ประเด็นนี้ก็ ทำให้บรรดา “คุณหมอหน้างาน”ไม่พอใจฝ่าบริหารและน้อยใจ “อาจารย์หมอ” ที่อยู่ในกรรมการวิชาการ ที่“หมอหน้างาน”ทุกคนทำงานหนักเสี่ยงต่อโควิดด่านหน้าแต่ไม่ให้ “เสื้อเกราะคุณภาพ”ให้ ทั้งๆที่หาก “หมอด่านหน้า”ล้มลงก็หมายถึงผลกระทบ “ทั้งระบบสาธารณสุข” ในการรักษาประชาชนในสถานการณ์โควิดกลายพันธุ์ขณะนี้ด้วย

@ที่ก็น่าสนใจว่า ประเด็น “เซฟหมอหน้างาน” ทั้งจากประชาชน แพทยสภา และ“หมอหน้างาน”กับประเด็น“เสื้อเกราะวัคซีน”ไฟเซอร์ที่ ที่สามารถสู้กับ “โควิดกลายพันธุ์เดลต้า” ได้ก็สอดรับท่าทีล่าสุด “อีริก ฮาร์แกน” อดีตรมช.สธ. สหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ประสานกับทีมส.ส.สหรัฐ บริจาควัคซีนให้ไทยที่ระบุมีความกังวลกรณี“หมอหน้างาน”ที่รับซิโนแวค2เข็มแล้ว อาจต้องการบูสเตอร์อีกครั้ง ซึ่ง ส.ส.อเมริกาจึงมองว่าวัคซีนไฟเซอร์ที่บริจาคให้ไทยควรฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube