พันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน เผยถึงกรณีการเข้าตรวจค้นบริษัทของ เฮียเก้า นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีแอบลักลอบนำเข้า-ส่งออกตีนไก่เถื่อน ว่า
จากการตรวจค้นพบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับการรับตีนไก่จากประเทศที่ 3 คือ อุรุกวัย และตุรกี ก่อนที่จะมีการ repack ใหม่ ติดป้ายสินค้าจากประเทศไทย และนำส่งออกไปยังประเทศจีน โดยมีบริษัทชิปปิ้งที่เคยถูกดำเนินคดีในคดีหมูเถื่อน 1 บริษัท ที่มีความเชื่อมโยงมายังบริษัทของเฮียเก้า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากพบว่ามีบริษัทชิปปิ้งที่เกี่ยวข้องอีกหลายบริษัท
ส่วนจากการสอบปากคำพนักงานของเฮียเก้า และคนในบ้าน ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนว่า เฮียเก้าได้เดินทางไปประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2566 เพื่อไปประกอบธุรกิจยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับ
ส่วน นายกรินทร์ ลูกชายของเฮียเก้า อยู่ที่ฮ่องกง ออกเดินทางไปตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2566 เพื่อไปประกอบธุรกิจที่นั่นและยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับเช่นกัน แต่ภรรยาของเฮียเก้ารับปากว่า จะติดต่อให้ทั้งคู่เดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อเข้ามาพบพนักงานสอบสวนหลังถูกออกหมายจับ
โดยบริษัทของเฮียเก้า ยังพบหลักฐานที่เชื่อมไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำตีนไก่ส่งออกไปยังประเทศจีน คือ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ รวม 2 ราย ให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้เข้ามาให้ปากคำภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้เข้ามาชี้แจงรายละเอียดในการสำแดงเท็จในการลักลอบส่งออก
ส่วน 2 พ่อลูก ที่ถูกออกหมายจับ คาดว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยภายในสัปดาห์หน้า เมื่อผู้ต้องหาเดินทางถึงประเทศ ก็จะต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเช่นกัน ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายหยาง ยา ซุง และ นางสาวนวพร ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับพร้อมกับ 2 พ่อลูก ขณะนี้อยู่ที่ต่างประเทศ และได้ติดต่อพนักงานสอบสวนขอเข้าพบภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนหลักฐานเส้นทางการเงิน ในเบื้องต้นยังไม่พบว่า ทางสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย มีเส้นทางการเงินเชื่อมไปถึงบุคคลและบริษัทชิปปิ้งใดบ้าง อยู่ในระหว่างให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานและทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนที่จะมีการออกหมายจับและติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี รวมไปถึงที่เฮียเก้าเปิดบริษัทผ้าแพมเพิสสำเร็จรูป เพื่อเป็นการบังหน้าหรือไม่
จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนั้นพบว่าภายในบริษัทของเฮียเก้า มีรูปถ่ายคู่กับบุคคลสำคัญในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ระดับอดีตนายกรัฐมนตรี , รัฐมนตรีกระทรวงหน่วยงานต่างๆ , ตำรวจและทหารระดับนายพล รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่าเฮียเก้า ได้นำรูปเหล่านี้ไปสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทคู่ค้าให้ร่วมลงทุน
ทีมข่าวได้รับรายงานว่า บริษัทของเฮียเก้า ยังเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ในการส่งออกสินค้าต่างๆไปยังประเทศจีน หากบริษัทคู่แข่งต้องการที่จะส่งสินค้าไปยังประเทศจีน จะต้องผ่านบริษัทของเฮียเก้าเท่านั้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
