fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

ติง 100 วันรัฐบาล ศก.หืดจับ ไร้แผนรุก GDP ต่ำสุดอาเซียน

จับสัญญาณเศรษฐกิจไทยปีนี้เชื่อมไปปีหน้า 2567 ยุค “รัฐบาลเศรษฐา” หลัง “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ที่ปัจจุบันนั้น เขาคือ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล

 

 

 

 

 

 

ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผลงานรัฐบาลเศรษฐาในห้วงจังหวะ100 วัน หรือในรอบ 3 เดือนแรกหลังเข้ามาบริหารประเทศ โดยชู 5 กรอบความคิด ว่า ไม่มีโรดแมปที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องของการใช้งบประมาณ การแก้ไขปัญหาค่าไฟ ราคาพลังงานที่เปรียบเสมือนการคิดสั้นไม่คิดยาว ไม่ได้แก้ที่ต้นตอ หรือแม้กระทั่งการคิดใหญ่ทำเล็ก ชัดเจนสุดกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย รวมถึงคิดอย่างทำอย่าง

 

 

 

และในปีหน้า 2567 “นายพิธา” ยังได้ชี้ชัดถึงโจทย์หินของรัฐบาล เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ GDP ที่ไม่แน่ใจว่าจะถึง 2% หรือไม่ รวมถึงดิจิทัล วอลเล็ตที่อยู่ในกฤษฎีกา และการท่องเที่ยวที่รายได้ไม่ถึง 4 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย

 

 

 

 

ซึ่งในมุมมองของ “นายพิธา” สอดคล้องกับมุมมองภาคเอกชน โดย “ดร.ธนิต โสรัตน์” รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า วันนี้ยังไม่เห็นมาตรการทางเศรษฐกิจในเชิงรุกของรัฐบาลที่ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการส่งออก มีแต่เรื่องเงินดิจิทัล วอลเล็ตเท่านั้น ซึ่งเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ถือว่ามีความท้าทายมาก เพราะอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยถือว่าต่ำกว่าประเทศในอาเซียน

 

 

 

 

“โดยภาพรวมๆแล้ว ปีหน้าก็ยังคงหืดนะ ปัจจัยหลักมาจากปัจจัยภายนอก เพราะว่าบ้านเรา เป็นเมืองส่งออก เมืองท่องเที่ยว ถ้าลูกค้า คือพูดง่ายๆว่าลูกค้าไม่มีตังค์ มันเป็นไปไม่ได้ที่เศรษฐกิจของเราจะกลับมาเข้มแข็ง และบ้านเราประเทศไทยการเติบโตเศรษฐกิจของเรามันก็น้อยกว่าประเทศในอาเซียนอยู่แล้ว ดังนั้นในปีหน้าผมให้น้ำหนักโลก แล้วก็เศรษฐกิจในประเทศ เราก็ไม่เห็นรัฐบาล เขาออกมาตรการแบบเชิงรุกว่า จะมีกลยุทธ์ หรือมียุทธศาสตร์อะไร ที่จะด้านการส่งออก ด้านอะไรต่างๆ ก็มีแต่ตั้งเป้าท่องเที่ยวปีหน้าเราจะให้ได้ 35 ล้าน 36 ล้านคน ส่งออกจะมาเป็นบวกเท่านี้เท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าคุณจะบวก จะบวกทางไหน”

 

 

 

 

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยทางศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ประเมินว่า จีดีพีปี 2567 จะขยายตัวได้ 3.1% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะโตได้ 3.2% ส่วนปีนี้ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงจาก 2.8% เหลือ 2.4% พร้อมมองว่า เศรษฐกิจและการค้าโลกมีความไม่แน่นอนสูง แม้เศรษฐกิจโลกจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ในระยะต่อไปเศรษฐกิจทั่วโลกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่น่าจะเผชิญโมเมนตัมเศรษฐกิจแผ่วลง เช่นเดียวกับเศรษฐกิจจีนที่กำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอ และยังมีความเปราะบางเชิงโครงสร้างในภาคอสังหาริมทรัพย์

 

 

 

 

 

ส่วนโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต จะออกมาช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศได้ในช่วงปลายไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2567 ซึ่งประเมินเบื้องต้นว่าจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนต่อระบบเศรษฐกิจได้ราว 0.4-0.7% ของจีดีพี และหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.6% ในปีหน้า แต่ทั้งนี้ แม้จะยังไม่เห็นความชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งที่มาของงบประมาณที่จะนำมาใช้ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐก็จำเป็นต้องกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางพื้นที่ทางการคลัง ที่มีข้อจำกัดมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุนต่างชาติจากเสถียรภาพเศรษฐกิจต่างประเทศที่เปราะบางขึ้น

 

 

 

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพราะยิ่งถูกพรรคก้าวไกล ชำแหละนโยบายเศรษฐกิจ ที่เปรียบเสมือนว่าไม่มีโรดแมปที่ชัดเจนมากขึ้นเท่าไร ก็เชื่อแน่ว่า เร็วๆนี้เราคงจะได้เห็นที่เด็ดจาก “รัฐบาลเศรษฐา” ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยที่เชื่อมโยงกับศรัทธานั่นเอง

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube