fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

เชียร์ลอก”คนละครึ่ง” โปร”ลุงตู่”กระตุ้นปีใหม่

 

 

 

 

น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งกับนโยบายแจกเงินหมื่น “ดิจิทัล วอลเล็ต” ของรัฐบาล “เศรษฐา” ที่ในขณะนี้ ยังมีความไม่แน่นอนในการออก พ.ร.บ. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แม้ว่าขณะนี้ รัฐบาลจะชงให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลก็มั่นใจว่า โครงการดังกล่าวจะคลอดตามกำหนดในเดือน พ.ค. ปีหน้า 2567

 

 

 

 

 

 

ซึ่งในมุมมองภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ก็มีมุมมองที่ตรงกันว่า “ดิจิทัล วอลเล็ต”จะเป็นภาระทางการคลังให้กับประเทศไทยในอนาคต รวมทั้งหนี้สาธารณะจะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะพับนโยบายแจกเงินหมื่นนี้ออกไปก่อน

 

 

 

 

 

โดย ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงการแจกเงิน “ดิจิทัล วอลเล็ต” 1 หมื่นบาท ว่า โครงนี้ใช้เงินมากกว่า 5 แสนล้านบาท และการแจก ก็แจกได้แปปเดียวก็หมดไป ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลหันมากระตุ้นเศรษฐกิจเป็นจังหวะๆ มากกว่า โดยอาจนำโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ กลับมาใช้เพราะเป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณไม่มาก แล้วออกมาในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันจะเปลี่ยนชื่อโครงการคนละครึ่งก็ได้ เพื่อไม่ให้ซ้ำกัน แต่รูปแบบการใช้จ่าย ขอให้มีความคล้ายคลึงกัน

 

 

 

 

 

“เงินดิจิทัลจะออกมาได้จริงก็อาจจะมาได้ประเดี๋ยวประด๋าว ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่แน่ใจเรื่องเงินดิจิทัล จริงๆเค้าไม่ต้องมาคิดว่าเป็นดิจิทัล ก็เป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นระยะๆ ผมคิดว่าน่าจะช่วยได้มากกว่า แล้วก็จะไม่ต้องไปผูกว่าต้องใช้เงินถึง 5-6 แสนล้าน แล้วก็สมัยบิ๊กตู่ เรื่องคนละครึ่งพวกนี้ผมคิดว่าก็โอเคนะใช้เงินไม่มาก พวกนี้กระตุ้นเศรษฐกิจได้เยอะแล้วก็ช่วยกลุ่มเปราะบาง ส่วนงบกระตุ้นเศรษฐกิจเราก็อาจเปลี่ยนชื่อคนละครึ่ง ก็ช่วยได้เยอะแล้ว คนละครึ่งแล้วก็ใช้เงินไม่เยอะ แล้วก็มาเป็นช่วงๆ”

 

 

 

“ดร.ธนิต” กล่าวอีกว่า ส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่รัฐบาลยังไม่ออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งถ้ามี ก็จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายได้เป็นอย่างดี

 

 

 

 

 

“จริงๆเสียดายมากตอนปีใหม่ ถ้ารัฐบาลออกมาแล้วก็ใช้เงินหลักหมื่นล้าน กระตุ้นคนออกไปช็อปปิ้ง ช้อปคนละครึ่งท่องเที่ยวอย่างคราวที่แล้ว แล้วก็สงกรานต์ก็เตรียมเงินไว้ก้อนหนึ่งให้คนไปเที่ยวอะไรต่างๆ มันก็ช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กำลังซื้อกลับมา ส่วนคนเปราะบางเราก็ใส่เงินลงกระเป๋าเค้าไป จะให้คนละเท่าไหร่ อันนี้ไม่มีใครเค้าว่ากัน แล้วเงินมันก็ไม่ได้เป็นเงินก้อนใหญ่ๆ ก็จะไม่ดูว่าต้องไปกู้เงินอะไรต่างๆ มา ผมคิดว่าถ้าแบบนั้น มันช่วยการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่า แล้วรัฐบาลทำได้ด้วย เสียดายมาก ปีใหม่อย่างนี้ หยุดยาวแค่มีเงิน มีโครงการคนละครึ่งหรือเปลี่ยนชื่อก็ได้ ไม่ต้องไปก็อบปี้ลุงตู่เค้ามา จะเปลี่ยนชื่ออะไรก็ได้ แต่ให้คล้ายๆกัน”

 

 

 

 

นอกจากนี้ “ดร.ธนิต” ยังได้สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีหน้า โดยมีมุมมองที่ตรงกับนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ที่ยังคงแสดงความหนักใจต่อภาวะเศรษฐกิจปี 2567 สะท้อนได้จากกรณีที่หลายสำนักวิจัยได้ออกมาปรับประมาณการณ์ตัวเลขจีดีพีของไทยลง ล่าสุด ธนาคารโลก ลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้และปีหน้า เหลือขยายตัว 2.5% และ 3.2% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3.4% และ 3.5% ตามลำดับ เป็นผลจากการหดตัวของการส่งออกและการใช้จ่ายภาครัฐที่ล่าช้า แต่อย่างไรก็ตาม World Bank ระบุว่า หากมีโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต GDP จะขยายตัวเพิ่ม อีก 0.5-1% แต่จะมีความเสี่ยงจากขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นเป็น 4-5% ของ GDP ซึ่งตามวินัยไม่ควรเกิน 3%

 

 

 

 

ขณะที่ นักวิเคราะห์ มองว่า การที่นายกรัฐมนตรีแสดงความหนักใจต่อภาวะเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับการส่งสัญญาณของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังนั้นมุมมองที่แตกต่างกันดังกล่าว อาจทำให้การเดินนโยบายการเงิน และการคลัง ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ประสิทธิภาพของนโยบายต่างๆ ลดลง และสร้างความสับสนให้ตลาดการเงิน

 

 

 

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลเศรษฐาอย่างใกล้ชิด เพราะทุกการขยับ ย่อมมีผลต่อความเชื่อมั่นหนุนการจับจ่ายของประชาชนนั่นเอง

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube