โดดเด่น คึกคัก ไม่แผ่วเลย สำหรับงาน MOTOR EXPO 2023 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี
ซึ่งในปีนี้มีค่ายรถยนต์ต่างตบเท้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ EV ของเหล่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ที่ขนขบวนรถ EV มาอวดโฉมความหรูหราภายในงาน แบบชนิดที่เรียกว่าไม่กั๊กออฟชั่น แถมดั๊มพ์ราคาสู้ จัดหนัก จัดเต็ม ตีตลาด แบบไม่เกรงกลัวใคร
โดยนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานฯ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) บอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า รถยนต์ EV ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากรัฐบาลได้มีมาตรการ EV3.0 ที่มอบส่วนลดสูงสุดให้กับประชาชนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการ โดยได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 1.5 แสนบาท
อีกทั้งค่ายรถยนต์ EV ได้เร่งทำตลาดในไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดจองรถยนต์ EV ภายในงาน MOTOR EXPO 2023 และ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ EV ในปี 2566 เหนือความคาดหมาย อีกทั้งประเทศจีนต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงได้เร่งส่งออกรถยนต์ให้มากที่สุด ทำให้ ณ วันนี้ ประเทศจีนเป็นประเทศที่ส่งออกรถยนต์มากที่สุดของโลกไปแล้ว
“น่าจะถือว่าเกินความคาดหมายของผม ผมตอนต้นปีเมื่อปลายปีที่แล้วเดือนธันวาคม ผมคาดว่าปีนี้รถยนต์ไฟฟ้าน่าจะมีตัวเลขการจดทะเบียน 40,000 คัน แต่แค่ 10 เดือนก็ประมาณ 50,000 กว่าคันแล้ว เพราะฉะนั้นถึงสิ้นปีนี้ ผมคิดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณสัก 70,000 คันเกินจากเป้าหมายที่ผมคาดไว้เยอะมาก มีรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก เพราะว่าจากนโยบายของบอร์ดอีวีที่ให้เงินอุดหนุน 150,000 ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% อันนี้ก็ทำให้ลดลงเกิน 100,000 บาทเพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นจะถูกกว่ารถยนต์ใช้น้ำมันอีก”
ทั้งนี้ “นายสุรพงษ์” ยังได้กล่าวถึงกำลังซื้อรถยนต์ด้วยว่า ยังคงมีความต้องการสูง แต่ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะ เนื่องจากมีหนี้เสียค่อนข้างสูงกว่ารถยนต์ประเภทอื่น
“กำลังซื้อรถยนต์มี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งหรือรถกระบะ ซึ่งมันก็มีมากแต่ว่าในเรื่องของรถกระบะจะโดนไฟแนนซ์ปฏิเสธไม่ปล่อยสินเชื่อ เพราะว่าหนี้เสียมันสูง เพราะฉะนั้นในงานมหกรรมยานยนต์พิสูจน์ได้ว่าความต้องการมีมาก เพียงแต่ว่ามันจะมีเรื่องปัจจัยอื่นที่ทำให้การซื้อขายไม่สามารถที่จะสัมฤทธิ์ผลเพราะว่ามันมีเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะรถกระบะ การเช่าซื้อหรือพวกซื้อเงินผ่อนเนี่ยจะสูงถึง 80-90% ขณะที่รถยนต์นั่งจะน้อยกว่าเยอะ”
ส่วนความคืบหน้ามาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ล่าสุด คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บอร์ดอีวี ที่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “นายเศรษฐา ทวีสิน” เป็นประธานการประชุม ได้เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงระยะเวลา 4 ปี คือ พ.ศ. 2567-2570 เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยรัฐจะให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ ดังนี้
– รถยนต์ไฟฟ้า – รถกระบะ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh ได้รับเงินอุดหนุนระหว่าง 50,000-100,000 บาท/คัน
– รถยนต์ไฟฟ้า ขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 kWh ได้รับเงินอุดหนุนระหว่าง 20,000-50,000 บาท/คัน
– รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 150,000 บาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh ได้รับเงินอุดหนุนระหว่าง 5,000-10,000 บาท/คัน
นอกจากนี้ จะมีการลดอากรนำเข้าไม่เกิน 40% สำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป (CBU) ในช่วง 2 ปีแรก (พ.ศ.2567-2568) กรณีเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท
ยิ่งไปกว่านั้น ที่ประชุมเดินหน้าผลักดันให้ไทยเป็นฮับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค โดยตั้งเป้าหมายการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ภายในปี 73 หรือผลิตรถยนต์ EV ประมาณ 725,000 คัน และรถจักรยานยนต์ EV ประมาณ 675,000 คันอีกด้วย
จากนี้ต่อไปจะต้องติดตามยอดจองรถยนต์ในงาน MOTOR EXPO 2023 และภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สะท้อนถึงความเฟื่องฟูของเศรษฐกิจไทยนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
