โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า “ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย” เป็นการบูรณาการร่วมกับตํารวจภูธรภาค 1 ตํารวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีเป้าหมายเพื่อลดการแพร่ระบาดยาเสพติดที่สร้างความเดือดร้อนในชุมชน
ขณะเดียวกันหากพบผู้ที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติดจะดําเนินการตามปฏิบัติการ Quick win โดยนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ซึ่งปฏิบัติการในวันนี้ถือเป็นครั้งแรก เริ่มจากพื้นที่ภาคกลาง 9 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานีสิงห์บุรี สระบุรี นนทบุรี ลพบุรี ชัยนาท อ่างทอง และสมุทรปราการ รวมทั้งสิ้น 232 เป้าหมาย
ซึ่งทาง พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ได้ลงพื้นที่ไปยังเป้าหมาย 1 จุด ต.ลุมพลี อ.เมืองจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพูดคุยกับผู้ติดยาเสพติดจํานวน 2 ราย ที่สมัคใจเข้าร่วมกระบวนการบําบัดรักษาพร้อมกับให้คําแนะนําและให้กําลังใจผู้ป่วยเพื่อให้สามารถกลับมาอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างปกติ ซึ่งจากการพูดคุยพบว่าครอบครัวมีความเข็มแข็งและให้การดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี
เบื้องต้นผลจากการตรวจค้น 232 เป้าหมาย ในพื้นที่ภาคกลาง 9 จังหวัด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 92 ราย นําผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบําบัดรักษาจํานวน 17 ราย ตรวจยึดยาเสพติดกว่า 5 เม็ดพร้อมอาวุธปืน 7 กระบอก นอกจากนี้ได้บังคับใช้ดูแลตามตะเข็บชายแดน ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย รวม 1 1 อําเภอ และ จ.นครพนม 11 อําเภอ
โดยสั่งการให้แม่ทัพภาคเป็นผู้ดูแล ซึ่งล่าสุดวานนี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ภาค 4 ร่วมกับทางการประเทศลาว สามารถสกัดกั้นยาบ้าได้จํานวน 12 ล้านเม็ด ซึ่งถือเป็นการเตือนให้ผู้ค้ายาเสพติดไม่กล้าลักลอบขยยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย โดยจะบูรณาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใน 1 ปี
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวเน้นยํ้าว่า ปัจจัยที่สำคัญในการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดคือหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องสร้างความเชื่อมั่นและดึงพลังชุมชนให้เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมกับภาครัฐ จึงจะสามารถแก้ปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
