fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

‘เรอัล มาดริด’ ลุ้นย้ำเเค้น ‘ลิเวอร์พูล’ ซิวจ้าวยุโรป

ศึกฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ในคืนวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565 เป็นการเจอกันของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล รองแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พบกับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แชมป์ลีกลาลีกา สเปน โดยทั้งสองทีมจะลงทำการแข่งขันกันใน เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม สตาด เดอ ฟร็องซ์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 

คู่นี้เป็นการรีแมตช์ นัดชิงชนะเลิศ ปี 2018 ซึ่งครั้งนั้น เรอัล มาดริด ชนะไป 3-1 สถิติการพบกัน 5 หลังสุดของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล ไม่เคยชนะ เสมอ 1 ครั้ง เรอัล มาดริด ชนะ 4 ครั้ง

 

ผลงานล่าสุดของ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมยังไม่แพ้ใครโดย ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 0 ยิงได้ 12 ประตูและเสีย 6 ประตู จากการลงสนาม 6 นัดหลังสุด ส่วน เรอัล มาดริด ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 13 ประตูและเสีย เพียง 3 ประตู จากการลงสนาม 6 นัดหลังสุด ความพร้อมของทั้งสองทีม

 

ลิเวอร์พูล ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งจะออกหักทำได้เพียงตำแหน่งรองแชมป์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่นั่นก็คงไม่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของพวกเขามากนักในเกมนัดชิงชนะเลิศรายการนี้

 

โดยต้องบอกว่าในรอบน็อคเอาท์ที่ผ่านมา หงส์แดง ดูจะไม่เจอคู่แข่งกระดูกแข็งเท่าใดนักตั้งแต่ อินเตอร์ มิลาน เบนฟิก้า หรือแม้แต่กับ บียาร์เรอัล ที่มีช่วงให้หวาดเสียวอยู่บ้างแต่สุดท้ายก็พลิกกลับมาเอาชนะได้ในที่สุด ความพร้อมก่อนเกม จะหมดสิทธิใช้งาน ดิวอค โอริกี้ ในเกมนี้แน่นอนแล้ว ส่วนในรายของ ติอาโก้ อัลคันทารา , ฟาบินโญ่ และ โจ โกเมซ คาดว่าจะฟิตทันและสามารถมีส่วนร่วมกับเกมนี้ได้

 

คาดว่า คล็อปป์ เตรียมจัดทัพโดยมี โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ซาดิโอ มาเน่ กับ หลุยส์ ดิอ๊าซ เป็นสามประสานแดนหน้าคอยล่าสกอร์และใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ กับ ติอาโก้ อัลคันทารา ผนึกกำลังกันคุมเชิงจากแดนกลางตามระเบียบ

 

เรอัล มาดริด ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ มาเล่นเกมนี้ในฐานะแชมป์ ลาลีกาสเปน ฤดูกาลล่าสุด แถมในฟุตบอลยุโรปพวกเขาสร้างปาฏิหารย์ด้วยการพลิกชนะคู่แข่งได้อย่างเหลือเชื่อตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รอบ 8 ทีมกับ เชลซี และรอบรองชนะเลิศกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะเข้ามาพบกับ ลิเวอร์พูล ที่เคยเอาชนะมาได้ในการชิงชนะเลิศเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา

 

ซึ่งเกมนี้ อันเชล็อตติ ได้พาทีมเดินทางมาถึงฝรั่งเศส ล่วงหน้าก่อน 48 ชั่วโมง เพื่อปรับสภาพรวมไปถึงนัดนี้จะกลับมาใช้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด
สภาพทีมก่อนลงทำการแข่งขัน ยังคงต้องรอลุ้นอาการบาดเจ็บของ ดาวิด อลาบา ที่เพิ่งจะกลับมาลงซ้อมได้ช่วงต้นสัปดาห์นี้ว่าจะหายทันลงสนามเป็นตัวจริงหรือไม่ ส่วนตัวหลักรายอื่น ๆ ฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกให้กับ อันเช่ ในเกมนี้ทั้งหมด

 

คาดว่า อันเชล็อตติ เตรียมจัดทัพโดยมี เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, คาริม เบนเซม่า กับ วินิซิอุส จูเนียร์ส เป็นสามประสานแดนหน้าคอยล่าตาข่ายและใช้ ลูก้า โมดริช, คาเซมิโร่ กับ โทนี่ โครส ปักหลักคุมกลางตามสูตร

 

หากมองทรรศนะเกมนี้ เป็นศึกตัดสินจ้าวยุโรป เกมนี้จะเป็นเกมที่สนุกโดนใจแฟนบอลอย่างแน่นอน เมื่อเทียบฟอร์มคู่นี้ดูสูสีคู่คี่มากๆ ลิเวอร์พูล กับนัดชิงชนะเลิศบอลถ้วยสองครั้งหลังสุด ไม่เคยเอาชนะคู่แข่งในเวลาได้เลย และต้องไปลุ้นยาวๆ กันในช่วงดวลจุดโทษด้วยซ้ำ

 

จริงอยู่ที่พวกเขามีศักยภาพของทีมที่ค่อนข้างสูงกว่านิดๆ เมื่อเทียบตำแหน่งต่อตำแหน่ง แต่หลายเกมหลังสุดที่ลงเตะจะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาค่อนข้างเกร็งและเล่นแบบมีความกดดันอยู่ตลอดเวลา

 

จนทำให้ความผิดพลาดมีให้เห็นอยู่บ้าง ประกอบกับทางด้าน เรอัล มาดริด หลังคว้าแชมป์ลีกสูงสุดไปแล้วก็เริ่มผ่อนเครื่องและพักตัวหลักให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด

 

อีกทั้งเรื่องความเฉียบคมการจบสกอร์ต้องยกให้ฝั่ง มาดริด ที่มักใช้โอกาสไม่เปลือง ฉะนั้นเกมนี้พวกเขาพร้อมที่จะลุยเต็มกำลังเเน่นอน จึงเชื่อว่า มาดริด จะโอกาสคว้าเเชมป์ได้มากกว่า เเต่อาจจะไม่จบเสมอใน 90 นาที ต้องเหนื่อยลากยาวๆไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ หรือเผลอๆยาวถึงดวลจุดโทษเลยก็ว่าได้

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnew

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube