fbpx
Home
|
คลิปข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวต้นชั่วโมง 13.00 น.

สภาล่มจนได้ หลังพักประชุม 30 นาที ประธานกดสัญญาณเรียกนับองค์ประชุม ส.ส. 2 ฝ่ายโต้เถียงกันไปมา นับองค์ประชุมได้ 230 เสียง ไม่ครบองค์ประชุม จึงสั่งปิดสภาทันที

บรรยากาศล่าสุด ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังพักการประชุม 30 นาที ได้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง ในเวลา 11.25 น. โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ฐานะประธานที่ประชุม กดสัญญาณเพื่อตรวจสอบองค์ประชุม แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ระบุได้ เนื่องจากนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย หารือว่า หากมีการกดบัตรแสดงตนแทนกัน ระบบที่ทันสมัยจะสามารถตรวจสอบได้หรือไม่

โดยนายศุภชัย ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ระบุว่า กล้องบันทึกภาพในห้องประชุมสามารถบันทึกภาพในองค์รวม และการกดบัตรแสดงตนเครื่องจะบันทึกจุดที่แสดงตน

ทำให้ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เพื่อตัดปัญหาการกดบัตรแทนกัน และขอให้ใครไม่มาประกาศรายชื่อ

ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมระบุว่า สัปดาห์หน้าขอให้วิปรัฐบาลหารือถึงการเดินหน้าการ
ประชุมให้ราบรื่น ส่วนสัปดาห์นี้ยืนยันว่าองค์ประชุมเป็นของฝั่งรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม มีการโต้เถียงกันระหว่าง ส.ส.รัฐบาลและส.ส.ฝ่ายค้าน เกี่ยวกับการแสดงตนเป็นองค์ประชุม ที่เห็นไม่ตรงกัน เนื่องจาก ส.ส.รัฐบาล เห็นว่า องค์ประชุมควรเป็นของส.ส.ทั้งสภาฯ แต่ ส.ส.ฝ่ายค้านยืนยันว่า ให้เป็นความรับผิดชอบของ ส.ส.รัฐบาล และมีผู้เสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมให้ครบก่อนที่จะใช้วิธีการแสดงตนด้วยการขานชื่อ

 

ส่วนการโต้เถียงดังกล่าว ได้ใช้เวลาของที่ประชุม เกือบครึ่งชั่วโมง และเมื่อเวลา 11.50 น. นายศุภชัย ได้ประกาศผลการแสดงตน ปรากฎว่า มีผู้กดบัตรแสดงตน รวม 230 คน และแสดงตนผ่านการขานชื่อ 5 คน รวมเป็นองค์ประชุม 235 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม จึงได้สั่งปิดการประชุมไปเมื่อเวลา 11.51 น.

สำหรับส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งหมด 476 คน และองค์ประชุมกึ่งหนึ่ง คือ 238 คน โดยการแสดงตนดังกล่าวขาดไปเพียง 3 คนเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube