fbpx
Home
|
ข่าว

”วัน แชมเปียนชิพ” เเจงยิบ ด้านการต่อต้านใช้สารต้องห้ามในนักกีฬา

Featured Image
วัน แชมเปียนชิพ ชี้เเจง เหตุผลที่ต้องใช้กฎข้อบังคับด้านการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามในนักกีฬา เพื่อยึดมั่นในมาตรฐานความถูกต้องและความเป็นสากล

 

 

วัน แชมเปียนชิพเป็นองค์กรสื่อกีฬาระดับโลก ซึ่งให้ความสำคัญในการเป็นองค์กรที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะในด้านของการเป็นสังเวียนคุณภาพของเหล่านักกีฬาที่มีความสามารถในระดับโลก รวมไปถึงมาตรฐานของการ
แข่งขัน, ความปลอดภัย, ความเท่าเทียม และความยุติธรรม ที่อยู่ในระดับที่สูงที่สุด

 

 

ด้วยมาตรฐานที่เรายึดมั่นดังกล่าว เป็นเหตุผลที่เราต้องใช้กฎข้อบังคับด้านการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามในนักกีฬา ในระดับเดียวกับที่องค์กรกีฬาระดับสากลทั่วโลกเลือกปฏิบัติ โดยสารต้องห้ามทั้งหมดนั้น เรายึดจาก WADA (World Anti-Doping Agency) ซึ่งเป็นองค์กรต่อต้านสารต้องห้ามโลกเป็นหลักเกณฑ์

 

 

ซึ่งแนวทางการตรวจสารกระตุ้นอย่างที่องค์กรอย่าง WADA ใช้นั้นเป็นที่องค์กรกีฬาชั้นนำระดับโลกอย่าง NBA, NFL, F-1 ไปจนถึงโอลิมปิกส์ นั้นต่างใช้หรือยึดเป็นต้นแบบมาตรฐานในการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการใช้และการตรวจสารต้องห้ามในนักกีฬา

 

 

นอกจากนี้ เรายังทำงานร่วมกับหน่วยงานอิสระอื่นๆอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้ในการตรวจหาสารดังกล่าวในร่างกายนักกีฬา เช่น International Doping and Testing Management (IDTM) ซึ่งหน่วยงานนี้ก็เป็นอีกหน่วยงานระดับโลก ที่องค์กรนานาชาติต่างให้ความเชื่อถือและมีองค์กรกีฬาระดับสากลใช้บริการเช่นกัน

 

 

อย่างที่เรียนแจ้งก่อนหน้านี้ ว่าวันที่ 10 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากองค์กร International Doping and Testing Management (IDTM) ได้มีการเก็บตัวอย่างแล็บของเพชรทนง ที่สนามมวยเวทีลุมพินี

 

 

การเรียกเก็บตัวอย่างดังกล่าวเป็นการเก็บนอกเกมการแข่งขัน ซึ่งขั้นตอนเป็นไปอย่างปกติ และตัวอย่างดังกล่าว ได้ถูกส่งต่อไปยังแล็บ Karolinska Doping Control Laboratory หรือ มหาวิทยาลัย Karolinska University Hospital ณ กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เพื่อการตรวจสอบผลซึ่งหลังจากการตรวจสอบ ได้พบสาร Metenolone และ Boldenone ในตัวอย่างที่เก็บมาจากนักกีฬา ซึ่งสาร 2? ชนิดนี้เป็นสารในกลุ่มอนาโบลิค สเตียรอยด์ และเป็นหนึ่งในสารต้องห้ามที่ องค์กรต่อต้านสารต้อง ห้ามโลก หรือ WADA ได้กำหนดไว้

 

 

ฉะนั้น การพบสารดังกล่าวนั้น ทำให้ทาง ONE ต้องระงับการแข่งขันของนักกีฬาเป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่เก็บตัวอย่าง ซึ่งข้อปฏิบัตินี้ อยู่ภายใต้กฎการต่อต้านการใช้สารต้องห้าม (ONE Anti-Doping Program) อยู่แล้ว ที่ วัน แชมเปียนชิพ เรายึดมั่นในมาตรฐานความถูกต้องและความเป็นสากล ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้

 

 

1. ONE ไม่อนุญาตให้ใช้สารเสตียรอยด์ต้องห้ามทุกประเภทในนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อจุดประสงค์ในการแข่งขันหรือการรักษา ซึ่งข้อห้ามนี้ เป็นข้อห้ามมาตรฐานในองค์กรการกีฬาทั่วโลก อีกทั้งสาร 2 ชนิดที่พบในผลตรวจของเพชรทนงนั้น เป็นสารที่ไม่อนุญาตให้ใช้ในการรักษาบำบัด (therapeutic use exemptions) โดยอิงจากมาตรฐานของ WADA และในส่วนของสาร Boldenone นั้น ไม่ถือว่าเป็นสารที่ใช้เป็นยา แต่เป็นสารที่มักใช้ในม้า ซึ่งมักเรียกกันเป็นภาษาทั่วไปว่า “horse steroids” ซึ่งสเตียรอยด์ทั้ง 2 ชนิดนี้อยู่ในลิสต์ “ต้องห้ามในการรักษา” ภายใต้ข้อกำหนดของ WADA

 

 

2. กระบวนการการสุ่มตรวจสารต้องห้ามใน ONE นั้นมีมาหลายปีแล้ว ซึ่งการตรวจนั้นมีทั้งในช่วงการแข่งขันและนอกเหนือจากการแข่งขัน ซึ่งนักกีฬาทุกคนต้องพร้อมสำหรับการสุ่มตรวจทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีข้อยกเว้น แชมป์โลกปัจุบันอย่างรถถัง จิตรเมืองนนท์, แสตมป์ แฟร์เท็กซ์, นิกี โฮลสเกน และไมกี มูซูเมซี ต่างได้รับการสุ่มตรวจทั้งหมดเมื่อไม่นานมานี้ และผลออกมาผ่านตามมาตรฐาน ส่วนนักกีฬารายอื่นที่ได้รับการสุ่มตรวจเมื่อเร็วๆนี้และไม่ผ่านก็มีเช่นกัน อย่างเช่น จูลี เมซาบาร์บา, ไครัต อักห์เมทอฟ และ Giannis Stoforodis เป็นต้น ซึ่งเหล่านักกีฬาที่ไม่ผ่านผลการสุ่มตรวจ ต่างก็ได้รับบทลงโทษตามกฎกติกาทุกคนตามมาตรฐานข้อกำหนดที่อิงกับ WADA

 

 

3. ในสัญญาที่เราทำกับนักกีฬาของ ONE ทุกคน มีระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การใช้สารต้องห้ามและสารผิดกฎหมายทุกชนิด ถือเป็นโทษร้ายแรงใน วัน แชมเปียนชิพ นอกจากระบุในสัญญาแล้ว เรายังมีการกำชับให้กับนักกีฬาทราบระหว่างการอธิบายกฎ กติกา ข้อบังคับต่างๆด้วยเช่นกัน อีกทั้งเรามีการอธิบาย แจ้งนักกีฬาผ่านทางอีเมล์ ถึงกระบวนการ สุ่มตรวจให้นักกีฬาทราบ และได้ส่งรายในการหาข้อมูลเกี่ยวกับสารต้องห้ามต่างๆตามมาตรฐาน WADA นั้นให้กับนักกีฬาที่เซ็นสัญญาทุกคน เพื่อแสดงถึงความชัดเจนว่าตัวนักกีฬาเองนั้นต้องรับผิดชอบต่อร่างกายของตัวเอง เพื่อรักษามาตรฐานสูงสุดในฐานะนักกีฬาอาชีพในเวทีระดับโลก

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube