“ปดิพัทธ์” บอกเร็วไปพูดก้าวไกลถูกยุบตอนนี้ ชี้ต้องยึดหลักนิติรัฐและนิติธรรมของประเทศ ขออย่าดราม่าใช้ห้องหลังบัลลังก์
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติส่งคำร้องยุบพรรค ก้าวไกลให้ศาลศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จากการใช้นโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หาเสียง ซึ่งในขณะนั้นในประดิพัทธ์เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งก็จะเข้าข่ายถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เป็นเวลา 10 ปีด้วย หากศาลวินิจฉัยให้ยุบพรรคก้าวไกล
โดยนายประดิพัทธ์ ระบุว่า อย่างเร็วเกินไปที่จะคุยเรื่องยุบพรรควันนี้ สิ่งที่ต้องตั้งหลัก คือ ในหลักนิติรัฐและนิติธรรมของประเทศนี้เป็นอย่างไร ทำไมถึงมองว่าเรื่องยุบพรรคเป็นเรื่องปกติ ถ้าเอาเวลาไปทุ่มเท ก็จะเสียเวลากับการคิดว่าทำไมถึงยุบพรรค แล้วไปอยู่ที่ไหนอย่างไรมันเสียสมาธิทำงาน ดังนั้น ตอนนี้เดินหน้าทำงานเต็มที่ รู้ข้อจำกัดของกฎหมาย เพราะฉะนั้นใช้เวลาเวลาที่เหลืออยู่ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวให้ดีที่สุด เท่านั้นพอแล้ว หากมีคำวินิจฉัยจริงๆ มีเดทไลน์ค่อยเตรียมตัว
ส่วนกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่า สามารถใช้คำวินิจฉัยเมื่อครั้งที่แล้วได้เลย นายประดิพัทธ์ ถามกลับว่าศาลที่ไม่ต้องไต่สวน คือ ศาลอะไร ตนคิดว่าศาลที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง ถ้าย้อนไปได้มีแค่สองศาลเท่านั้น ก็คือ ศาลทหารกับศาลศาสนา ดังนั้น หากระบบศาลไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจง ก็คงต้องมีการตั้งคำถาม กับระบอบความยุติธรรม การจะกล่าวหาข้อกล่าวหาที่รุนแรงขนาดนี้ เป็นข้อกล่าวหาที่พิสูจน์ด้วยหลักฐาน เช่น ไม่ได้ขับรถเร็วเกินอัตรา แต่บอกว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง แล้วบอกไม่ต้องมาชี้แจง นั่นผิดทันที เรื่องนี้ทั้งประชาคมโลกและสังคมไทยจะมีคำถามกับระบบยุติธรรมมากมาย
ขณะเดียวกัน นายปดิพัทธ์ ยังกล่าวถึงดราม่าการใช้ห้องหลังบัลลังก์ประธานสภาฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตอนนี้เคลียร์ทุกอย่างจบแล้ว เนื่องจากระเบียบออกมาแล้ว โดยให้อำนาจของฝ่ายประชุมเป็นคนจัดการเรื่องการใช้ห้อง ซึ่งฝ่ายประชุมก็รับรองว่า บริหารจัดการได้ ส่วนการใช้ในกรณีอื่นเป็นอำนาจของประธานสภาฯ ซึ่งหากย้ายไปแล้ว แต่ห้องยังไม่พอใช้ ก็ต้องมาสื่อสารกัน อย่างน้อยก็มีสัญญาณที่ดีว่าพรรคพลังประชารัฐปฏิบัติตาม
ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ และวิปฝ่ายค้านตกลงกันแล้วนั้น นายปดิพัทธ์ ระบุว่า “ใช่” เพราะตนไม่ได้อยู่ในการประชุมวิป เลยทำให้ไม่ทราบ แต่ตนทำหน้าที่ดูแลการประชุมให้ทุกอย่างเรียบร้อย ถ้าจะมีการประนีประนอมไปพูดคุยกันเองก็เป็นสิทธิ์ของสมาชิก ขออย่าให้กระทบการประชุมก็พอ
สำหรับจะไม่มีการต้องมาทวงถามกันในที่ประชุมใหญ่ของสภาอีกแล้วใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่มีแล้ว ตนคิดว่าเสียเวลาสภามาก
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายสัมภาษณ์ ได้สอบถามถึงการประกาศขายจักรยานไฟฟ้า นายปดิพัทธ์ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมระบุว่า “ใช่ เดินปลอดภัยกว่าขี่จักรยาน” ซึ่งวันนี้นายปดิพัทธ์ได้เปลี่ยนการเดินทางจากใช้รถจักรยานไฟฟ้าเป็นเดินมาที่รัฐสภาแทน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
