fbpx
Home
|
ข่าว

“โรม” ยังไม่มีการทาบทามนั่งคกก.แก้ปัญหาเรือดำน้ำ

Featured Image

 

 

“โรม” ยังไม่มีการติดต่อทาบทามนั่งคกก.แก้ปัญหาเรือดำน้ำ พร้อมถามกลับ ให้ไปเป็นกรรมการ สามารถตรวจสอบได้จริงใช่หรือไม่

 

 

 

นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวกรณีที่นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมทาบทามเข้าคณะทำงานศึกษาแก้ไขปัญหาการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า ไม่ได้รับการติดต่อมาซึ่งปกติแล้วหากจะเป็นการทาบทามจริงจังอย่างน้อยจะต้องมีการโทรมาพูดคุยกันก่อน เพื่อจะได้รับทราบรายละเอียดไปนั่งเป็นคณะทำงาน โดยตนเองก็เพิ่งทราบพร้อมกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ก็ค่อนข้างแปลกใจหากนายสุทินต้องการอยากให้ไปนั่งเป็นคณะกรรมการฯ ก็น่าจะคุยกันก่อน หรือว่านายสุทิน ต้องการให้มีประเด็นหน้าสื่อหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ

 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในช่วงที่ตนเองไปกระทรวงกลาโหม ได้บอกกับนายสุทินว่า เรายินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบ โดยเอาผลประโยชน์ของประชาชนนและผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง แต่ครั้งนี้นายสุทิน ได้ให้สัมภาษณ์สืบโดยที่ไม่ได้มีการแจ้งตนเอง ทำให้ไม่ทราบรายละเอียด เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ จึงต้องตั้งคำถามกลับไปว่าตกลงแล้วจะให้ไปเป็นกรรมการ สามารถตรวจสอบได้จริงใช่หรือไม่ หรืออยากให้ไปทำอะไร อยากให้มีภาพข่าวออกสื่อเท่านั้นใช่หรือไม่

 

ทั้งนี้ หากถูกทาบทามจริงๆก็จะต้องดูในรายละเอียดเพราะตนเองไม่ทราบว่าจะต้องตัดสินใจจากอะไรและไม่ทราบในรายละเอียดอะไรเลย ซึ่งอย่างน้อยจะต้องมีการพูดคุยกัน พร้อมต้องดูข้อกฎหมายอื่นประกอบด้วยว่าฝ่ายนิติบัญญัติสามารถเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการฯ ได้หรือไม่ แต่ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ก็อยากทราบข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือทั้งหมดอยู่แล้ว โดยเฉพาะการจัดซื้อเรือดำน้ำที่มีปัญหา และจะเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต เพราะสุดท้ายแล้วเราต้องปกป้องผลประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติ

 

นายรังสิมันต์ ระบุอีกว่า นายสุทิน ซึ่งที่ผ่านมาชอบยกว่าไทย-จีน มีผลประโยชน์กันเยอะมาก นับแสนล้าน แล้วเราจะเอาเรื่องกี่พันล้านหมื่นล้านมาเป็นเงื่อนไขทำให้ผลประโยชน์ทั้งหมดเสียไป จึงขอถามกลับว่า ถ้าผลประโยชน์ของเรากับจีนมีมากขนาดนั้น จีนจะยอมเสียแค่เรื่องนี้ ทำให้ผลประโยชน์ 2 ประเทศพังลงไปจีนจะทำอย่างนั้นหรือ เราไปคิดเอามุมว่าถ่ายต้องเอาใจจีนอย่างนั้นหรือ ซึ่งเห็นว่าทั้งสองประเทศยืนอยู่ด้วยกันอย่างมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่านายสุทินจะมองข้ามในส่วนนี้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ไม่รู้ว่าจะตอบรับอย่างไร คงจะรอโทรศัพท์จากนายสุทิน คิดว่าน่าจะยังคงมีเบอร์ของตนอยู่ และคิดว่าเมื่อเป็นรัฐมนตรีแล้วคงไม่น่าจะลบเบอร์ฝ่ายค้านที่สู้มาด้วยกัน

 

เมื่อถามว่ามองเจตนาการตั้งคณะกรรมการชุดนี้อย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ไม่อยากจะเดามากแต่คิดว่า ถ้ากลับมาคิดเรื่องอาวุธ ก็ต้องตอบข้อที่ 1 ว่าถ้าจะซื้อ เราจะซื้อด้วยภัยความมั่นคงแบบไหน และตนอยู่ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ถ้าหากเป็นต่างประเทศ ก็จะมีการให้ข้อมูลความมั่นคงที่เป็นชั้นความลับจริงๆ แต่เรากลับไม่เห็นทิศทางแบบนั้น และฟังในการชี้แจงสภา นายสุทิน ก็บอกว่า ไม่สามารถพูดได้เนื่องจากอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยได้รับข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมว่าตกลงแล้วเราจะซื้อเรือดำน้ำด้วยภัยความมั่นคงแบบใด และเมื่อซื้อมาแล้วหากจำเป็นจริงๆและเปิดเผยกับประชาชนไม่ได้ ก็ให้ชี้แจงเรา ซึ่งหากซื้อมาแล้ว ทำให้ต้องคิดต่อไปว่าการเชื่อมโยงอาวุธประเภทต่างๆ มีหรือไม่ เพราะมีหลายระบบหลายค่ายต้องมีการสื่อสารระหว่างอาวุธ ถ้าหากมีก็สามารถทำได้แต่วันนี้เราไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย

 

“พี่สุทิน ก็กลายเป็นคนละคนจากเดิมบทบาทเป็นแบบหนึ่งก็เข้าใจแต่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีต้องรักษาท่าทีอันนี้ก็เข้าใจแต่สุดท้ายต้องเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและผลประโยชน์ของประชาชนมาก่อน คำถามที่ประชาชนเคยถามว่าเราจะซื้อเรือดำน้ำทำไมเป็นคำถามสำคัญที่ประชาชนทุกคนควรจะได้รับข้อมูลนี้ จึงคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนการตรวจสอบ เรายินดี ไม่ต้องอยู่ในคณะกรรมการ กระทรวงกลาโหม ให้ความร่วมมือเราถ้า เราก็ตรวจสอบได้ ไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำที่จะต้องไปนั่งเป็นคณะกรรมการขอแค่ความร่วมมือ”

 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรามีข้อจำกัดในการแสวงหาข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมาเราเจอปัญหานี้มาโดยตลอด ไปหาเราได้รับความร่วมมือในฐานะที่เป็นคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ อย่างก็จบไม่ต้องไปเป็นคณะกรรมการให้เปลืองเบี้ยประชุม ซึ่งเป็นเงินภาษีประชาชน แต่วันนี้เหมือนเป็นไฟท์บังคับถ้าเราไม่ไปเข้าร่วมข้อมูลที่เราจะรักษาผลประโยชน์ของประชาชนแทบทำไม่ได้

 

เมื่อถามว่าการตั้งคณะกรรมการนี้เป็นการมองข้ามกลไกคณะกรรมาธิการฯ สภา หรือฝ่ายค้านหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้น น่าจะเป็นบทบาทของฝ่ายบริหารมากกว่าและถ้าตามหลักกฎหมาย สามารถตรวจสอบกันเองได้และอาจจะตั้งขึ้นมาเพื่อความสะดวกบางอย่าง แต่ต้องไปพิจารณาภายใต้กฎหมายด้วย ว่าจะเอาฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นฝ่ายตรวจสอบไปอยู่ในคณะกรรมการด้วยได้หรือไม่ และจะแยกบทบาทอย่างไร พร้อมหวังว่า ถ้าหากเราเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการจะสามารถขอเอกสารจากกองทัพได้ง่ายขึ้น ขณะนี้เราไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลย และเราไม่ควรจะไปนั่งเป็นคณะกรรมการ ซึ่งตนได้พยายามคิด ไม่ใช่เฉพาะแค่คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ แต่มีคณะอื่นที่พยายามทำหน้าที่อย่างแข็งขันในการตรวจสอบก็เจอปัญหาคล้ายกัน

 

“ไม่อยากให้กลายเป็นว่าไปนั่งคณะกรรมการแล้วได้เอกสาร ข้อมูลง่ายขึ้น อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ และอยากให้นายสุทินทำให้การปฏิรูปกองทัพเกิดขึ้นได้จริงๆการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆคิดว่าควรเปลี่ยนวิธีคิดได้แล้วเรือดำน้ำหาเหตุผลในเรื่องของความจำเป็นไม่ได้ ก็ต้องเลิก ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของเครื่องยนต์ด้วย ซึ่งอย่าพยายามปกป้องเรื่องนี้เลยคิดว่าสายไปแล้ว เราไม่ได้มีปัญหากับการซื้ออาวุธทุกอย่าง เข้าใจว่ากองทัพมีความจำเป็น การซ่อมบำรุงแต่สิ่งที่ต้องทำคือการจัดซื้อจัดจ้างต้องโปร่งใส ไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเรื่องเรือดำน้ำยกเลิกไม่ได้ มีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ แต่ตอนจัดตั้งรัฐบาล ที่มีนาย บ.ใบไม้ ที่ไปจ่ายค่าหัวคิว และลุงคนนั้นที่เอาไปแล้ว ไม่ทราบว่า 20% หรือมากกว่านั้น จึงคืนกันไม่ได้ กลายเป็นเรื่องทุจริตคอรัปชั่นใช่หรือไม่”

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube