fbpx
Home
|
ข่าว

“พิเชษฐ์” ขอใจเย็นๆปัดยื้อเวลา แก้ รธน.

Featured Image
“พิเชษฐ์” ขอใจเย็นๆปัดยื้อเวลา แก้ รธน. ชี้ เคยแก้เล็กๆน้อยๆ ยังทำยาก ต้องศึกษาให้ดี หากไม่รอบคอบจะพากันพังทั้งหมด

 

 

นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่า การที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้นเป็นการซื้อเวลาว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เราเคยแก้ไขเล็กๆ น้อยๆ ยังทำได้ยาก และขณะนี้หากจะทำทั้งระบบซึ่งทุกคนอยากจะแก้ไข ก็ไม่ควรเร่งรีบ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องทำให้ละเอียดรอบคอบ หากไม่รอบคอบอาจจะแก้ไขไม่ได้ ซึ่งทุกคนก็มีความต้องการเหมือนกันหมด

 

ส่วนกระบวนการให้เบื้องต้นควรกลับมาสู่สภา เพื่อให้เป็นตัวกลางในการพิจารณาหรือไม่นั้น นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อทำประชามติทำประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ ก็ต้องมาตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งตนเห็นว่า ที่มาของ ส.ส.ร. ในสมัยรัฐธรรมนูญปี 40 มาจากประชาชนทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ซึ่งเห็นว่าเป็นหลักที่ควรยึดถือ เพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่สุด และสุดท้ายก็จะอยู่ที่สภาฯเพราะสภาฯเป็นเวทีให้อยู่แล้ว

 

ทั้งนี้ เห็นด้วยกับโมเดล ส.ส.ร.ปี 40 ใช่หรือไม่ นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า แล้วแต่รัฐบาลจะดำเนินการ

 

 

นอกจากนี้ยังยืนยันว่า สัปดาห์นี้จะต้องได้ข้อยุติเรื่องตำแหน่งประธาน คณะกรรมาธิการสามัญทุกคณะ โดยในวันพฤหัสบดี ที่ 21 กันยายนนี้ จะมีการหารือเพื่อหาข้อยุติอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ได้ให้ไปหารือกันนอกรอบมาถึง 2 ครั้งแล้วและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งตนได้บอกในที่ประชุมไปแล้วว่า ให้เร่งประสานงานเจรจาให้ลงตัว ดังนั้น หากในวันที่ 21 ยังคุยกันไม่รู้เรื่องตนได้เตรียมกล่องไว้ 2 ใบ กล่องที่หนึ่ง มี 8 หมายเลข คือ 8 พรรค ให้จับลำดับว่าใครจะได้จังสลากก่อน ขณะกล่อง ที่สอง มี25 หมายเลข พร้อมชื่อกรรมาธิการ ใครจับได้ก็ได้เป็นประธานกรรมาธิการชุดนั้นไป โดยจับตามสัดส่วนของแต่พรรคที่จะได้ประธานกรรมาธิการตามที่ตกลงไว้

 

ทั้งนี้ หากพรรคการเมืองไม่ยอมจะทำอย่างไร นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ใครจะยอมหรือไม่ยอมตนต้องรับผิดชอบ ในฐานะของสภาผู้แทนราษฎรคณะกรรมาธิการต้องเดินหน้าได้เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนและปัญหาของประเทศรอไม่ได้ ดังนั้น ขออยู่บนความเป็นกลางและเป็นธรรม ตึงต้องรับดำเนิยการ เนื่องจากสมัยประชุมนี้เหลือเวลาเพียง 1 เดือน และจะเปิดอีกทีวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่ง สส.จะได้ไปทำงานในพื้นที่ แต่หากหวังจะเอาผลประโยชน์ของ พรรคและความคิดของตนเองเป็นที่ตั้งคงเป็นไปไม่ได้ซึ่งต้นบอกไปหลายครั้งแล้วและครั้งนี้ขอจับสลาก

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ยอมจับฉลากและเจรจากันไม่ได้ วันที่27 กันยายน จะมีการตั้งกรรมาธิการฯในสภา และให้ไปโหวตกันในวันที่ 28 กันยายนที่มีการประชุมกรรมาธิการนัดแรก ซึ่งถือว่าแผนนี้เป็นขั้นเลวร้ายที่สุด แต่ก็เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย

 

ส่วนพรรคไหนที่มีปัญหานั้น นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าพรรคไหนไม่ยอม ทราบเพียงว่า มีปัญหากัน ในเมื่อมีวิปรัฐบาล มีวิปฝ่ายค้านแล้วยังไม่คุยกันตนก็ต้องทำตามหน้าที่ของตน จะคิดว่าจะรักษาผลประโยชน์ของตนเองและของพรรคนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะประชาชนต้องมาก่อน และถ้าวันที่ 21 นี้จบลงได้ก็ไม่ต้องมีการจับฉลากและการโหวต ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมตนมีเวทีให้

 

 

นายพิเชษฐ์ ยังกล่าวถึงผลการเลือกตั้งจังหวัดระยองที่พรรคก้าวไกลได้สส.เพิ่มอีก 1 คน และจะส่งผลต่อการเพิ่มประธานกรรมาธิการของพรรคก้าวไกลด้วยว่า ขณะนี้จำนวนสส.มี 499 เนื่องจาก กกต.ยังไม่รับรอง ก็ต้องยึดผลอย่างเป็นทางการ และหากยังคุยกันไม่ได้ แล้วเกิดมีสส.ออกจากพรรคก้าวไกลไปอีก 1 คน ทำให้สส.ของพรรคก้าวไกลหายไป 1 คน อยู่ดี แต่การเสนอชื่อประธานกรรมาธิการก็ต้องจบในวันที่27 กันยายน เพื่อประชุมนัดแรกวันที่28 กันยายน ดังนั้นสัดส่วนก็คือส.ส. ณ ปัจจุบัน

 

กรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคก้าวไกลมีแผนจะขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรคเพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ว่า เป็นความคิดของพรรคการเมือง ซึ่งต้องแล้วแต่ว่าแต่ละพรรตจะมีกลยุทธ์หรือเกมการเมืองอย่างไร ถือเป็นสิทธิของพรรคนั้น ส่วนในแง่ความสง่างามก็แล้วแต่สังคมจะตัดสิน

 

ขณะประธานกรรมาธิการคณะไหนที่ไม่ลงตัว นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีพรรคไหนบอก ต่างคนต่างนิ่ง แต่ตนขอยืนยันว่าต้องทำตามหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube