“ธรรมนัส”ยัน พปชร.ไม่ส่งชิงนายกฯเสียงข้างน้อย ย้ำจุดยืนชัดไม่โหวตให้พรรคที่มี นโยบายแก้ 112 มองครั้งแรกไม่ผ่านควรเปิดทางให้พรรคอันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาล บอก “ประยุทธ์” คิดดีแล้วประกาศวางมือการเมือง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต 1 ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ว่า สาระสำคัญในการประชุมวันนี้เรื่องแรก คือเลือกผู้แทนของพรรคในการประสานงานกับพรรคอื่น ซึ่งไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใด ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของพรรค โดยมีตนเองเป็นประธาน พร้อมมีนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.จังหวัดกำแพงเพชร เป็นรองประธานคนที่ 1 ,นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส. จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นรองประธานคนที่ 2
นอกจากนี้ จุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ จะไม่เสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีโดยใช้เสียงเข้าน้อยเป็นเด็ดขาด และพรรคพลังประชารัฐจะไม่เลือก ไม่โหวตคนของพรรคที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 โดยเด็ดขาด ไม่ว่าใครก็ตามถ้ามีนโยบายเกี่ยวข้องกับการแก้ไขมาตรา 112 ก็จะไม่โหวตให้ รวมถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน้าพรรรคก้าวไกล ด้วย
ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ปล่อยให้มีการฟรีโหวตแต่จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งก่อนโหวตลงมติ และขอดูหน้างานก่อนว่าจะงดออกเสียงหรือไม่
ส่วนได้เตรียมแนวทาง หลังจากนี้หรือไม่ หาก นายพิธา ไม่ได้รับโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ ได้รับเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้อันดับที่ 4 หากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องให้พรรคที่มีเสียงรองลงมาจัดตั้งรัฐบาลก่อน
ส่วนพรรคที่รองลงมาติดต่อพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกล จะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ ก็ต้องมีการประชุม กรรมการบริหารพรรคและประชุมส.ส.เพื่อขอมติพรรคก่อน
ส่วนถ้าเป็นพรรคเพื่อไทย ทางพลังประชารัฐ จะโหวตให้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่าไม่ว่าพรรคใดก็ตามมีนโนบายชัดเจนที่ไม่แตะมาตรา 112 เราก็ร่วมงานได้ตามนโยบายของหัวหน้าพรรคคือก้าวข้ามความขัดแย้ง
“แม้จะมีการออกมาเคลื่อนไหวกดดัน แต่จากประสบการณ์ทางการเมือง ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 13 ก.ค.นี้ เป็นเรื่องของรัฐสภาซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวม 750 กว่าคนที่จะลงฉันทามติในสิ่งที่เขาจะเลือกใคร ฉะนั้นจะให้ได้ดั่งใจ คงเป็นไปไม่ได้ก็ต้องยึดตามหลักกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เราเคารพเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา ”
ส่วนการกดดันของประชาชนอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นนั้น ยอมรับว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลาและเป็นเรื่องปกติ ที่ฝ่ายสนับสนุนตนเองจะมีความผิดหวัง แต่เชื่อว่าจะจบลงด้วยดี แล้วเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งมีฝ่ายความมั่นคงดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว จะใช้ความรุนแรงไม่ได้ และจะต้องฟังความคิดเห็นของกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวด้วย โดยพลเอกประวิตร ในฐานะผู้กำกับหน่วยงานความมั่นคง ได้เน้นย้ำ ห้ามใช้เฉพาะความรุนแรงเด็ดขาด
เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐ มองว่าควรจะโหวตนายกรัฐมนตรีให้จบในครั้งเดียวหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นกลไกของรัฐสภา โดยส่วนตัวก็อยากให้จบในวันเดียวแต่เมื่อไม่จบก็ต้องให้เวลา ทุกอย่างต้องใช้เวลา พร้อมสมมุติว่าถ้าไม่ได้ในครั้งแรกก็ควรเปิดโอกาสให้พรรคอันดับ 2 ในการจัดตั้งรัฐบาลหากไม่ผ่านก็ต้องเป็นพรรคอันดับ 3 ฉะนั้นจะต้องไม่มีการแทรกแซงเรื่องนี้โดยเด็ดขาดซึ่งเป็นนโยบายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ส่วนการโหวตในครั้งที่ 2 จะเสนอชื่อคนเดิมได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของประธานสภาและมองว่าพรุ่งนี้คงมีความชัดเจนมากกว่านี้
ทั้งนี้ ไม่ได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเกี่ยวกับทิศทางการโหวตและไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย และยืนยันไม่ได้มีการพูดคุยกับฝั่งสมาชิกวุฒิสภาด้วย มีแต่พูดคุยกันภายในพรรคเท่านั้น โดยในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีพรรคจะมีการวางตัวผู้อภิปรายไว้โดยมีสิทธิ์ในการอภิปราย 20 นาที คือ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐเป็นผู้อภิปรายซึ่งจะเน้นในเรื่องกรณีการแบ่งแยกดินแดน เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึง ความเป็นไปได้ที่พรรคพลังประชารัฐ จะไปพูดคุยและร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศวางมือทางการเมืองและลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่ไปก้าวก่ายกิจกรรมของพรรคอื่นเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ ยังมองกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติว่า คงคิดละเอียดแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
