fbpx
Home
|
ข่าว

“จิราพร” ชี้ นายกฯ บอกไม่เคยโกงแต่เอี่ยวทุนจีนสีเทา

Featured Image
“จิราพร” ชี้ นายกฯ บอกไม่เคยโกงแม้แต่บาทเดียว แต่ปล่อยปละละเลยหลานชายฮั้วประมูลโครงการรัฐ เอี่ยวทุนจีนสีเทา

 

 

นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ช่วงหนึ่งว่า การที่หลานชายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้ค่ายทหารเปิดบริษัทอาจจะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะพลเอกประยุทธ์ ในฐานะลุง อยู่บ้านหลวง พ้นจากตำแหน่งก็ยังไม่ย้ายออกมา แม้มาเป็นนักการเมืองก็ยังไม่ยอมย้ายออก ก็เลยคิดว่า สามารถทำได้ ซึ่งสอดคล้องกับสำนวนไทยว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” แต่หลานของพลเอกประยุทธ์คือ “ลูกไม้หล่นไม่ไกลค่าย”

 

 

จนกระทั่งเมื่อปี 2559 มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการใช้ทหารเปิดบริษัทส่วนตัว ในชื่อคอมเทมโพรารี และยังได้รับงานประมูลของรัฐที่มูลค่าสูง แต่ในที่สุด ก็ทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมไม่ไหว ทำให้ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2559 หลานชายพลเอกประยุทธ์ จึงตัดสินใจย้ายออกจากค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ ออกมาตั้งบริษัทนอกค่ายทหาร เพื่อให้พ้นข้อครหา แต่ยังดำเนินการประมูลงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เมื่อตรวจสอบรายละเอียดของบริษัทดังกล่าว พบข้อสงสัยหลายประการ โดยในปี 2555-2556 มีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ปี 2557 กลับได้รับการประมูลโครงการรัฐที่มีมูลค่าถึง 3 โครงการ มูลค่ารวม 28 ล้านบาท

 

 

ซึ่งทั้ง 3 โครงการเป็นโครงการของกองทัพ หลังพลเอกประยุทธ์ทำการรัฐประหาร และตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ยังได้รับงานจากโครงการรัฐอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับงานประมูลในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 “พูดง่ายๆ เป็นเขตอิทธิพลพ่อ บารมีลุง” ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ถือเป็นช่วงเวลาที่ลูกหลานพลเอกประยุทธ์ กอบโกย ตักตวงผลประโยชน์ งบประมาณของแผ่นดินอยู่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า มีการฮั้วประมูลงานจนทำให้ได้รับโครงการต่างๆ ของภาครัฐ เพราะบริษัทที่ร่วมประมูลงานกับบริษัทหลานพลเอกประยุทธ์มีสภาพแย่กว่า จึงทำให้บริษัทหลานพลเอกประยุทธ์ได้รับงานอย่างง่ายดาย

 

 

นางสาวจิราพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนมักจับตาไปที่ 3 ป. ที่อยู่ในรัฐบาล แต่ยังมีอีก 3 ป. ที่ยังได้ผลประโยชน์ไม่แพ้กัน คือ ป.ประยุทธ์ ป.ปรีชา และ ป.ปฐมพล 3 ป.ในรัฐบาล แยกกันเดินแล้ว แต่ 3 ป.นี้ ยังรวมกันเดิน ป.ประยุทธ์รัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรี ป.ปรีชา ก็เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น ส.ว. เป็นบอร์ดบริหารต่างๆ และคอยป้อนงานให้ ป.ปฐมพล

 

 

จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายตกแต่งบัญชี เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอย่างโจ่งแจ้ง เข้าข่ายทุจริตอย่างร้ายแรง พลเอกประยุทธ์ในฐานะลุงและเป็นนายกรัฐมนตรีที่เคยประกาศปราบปรามการทุจริตระดับชาติ จากวันนี้เหลือเวลาดำรงตำแหน่งอีก 37 วัน จะครบวาระ จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้ได้หรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ พลเอกประยุทธ์ยังปล่อยปละละเลย เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้หลานมีพฤติกรรมเข้าไปทำมาหากินและบ่มเพาะอาชญากรรมกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

 

 

โดยมีความเชื่อมโยงกับนายตู้ห่าวในเรื่องทุนจีนสีเทา โดยเกี่ยวกับการฟอกเงินผ่านบริษัทรถทัวร์ ซึ่งหลานชายพลเอกประยุทธ์เป็นหุ้นส่วน การปราบปรามการทุจริตต้องเริ่มจากหน่วยที่เล็กที่สุดคือครอบครัว หากไม่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะให้ประชาชนเชื่อได้อย่างไรว่าพลเอกประยุทธ์ไม่เคยโกงแม้แต่บาทเดียว เพราะหากยังเพิกเฉยกับการทุจริตของหลานชายก็เท่ากับให้คนในครอบครัว เครือญาติโกงแทนใช่หรือไม่

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube