fbpx
Home
|
ข่าว

รบ.เข้มเบี้ยวค่าปรับ-ใบสั่งไม่ได้ป้ายภาษีเริ่ม 1 เม.ย.

Featured Image
รัฐบาลคุมเข้ม เน้นผู้ใช้รถปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด หวังลดอุบัติเหตุ ไม่จ่ายค่าปรับ-ใบสั่ง ไม่ได้ป้ายภาษี เริ่ม 1 เม.ย.66 นี้

 

 

 

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลคุมเข้ม ให้ผู้ใช้รถมีจิตสำนึก ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อการลดอุบัติเหตุ ป้องกันความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ออกมาตรการเข้มเพื่อเสริมสร้างวินัยจราจรและลดอุบัติเหตุ

 

 

กรณีผู้ขับขี่ที่มีใบสั่งจราจรค้างจ่าย ที่กระทำความผิดตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ( ไม่มีผลย้อนหลัง) เมื่อไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ทางกรมการขนส่งทางบก นายทะเบียนรถยนต์จะไม่ออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปีหรือป้ายภาษีตัวจริงให้ จะได้เพียงหลักฐานชั่วคราวใช้แทนได้ 30 วันเท่านั้น ยกเว้น จะจ่ายค่าปรับตามใบสั่งจราจรที่ค้างอยู่ทั้งหมดกับนายทะเบียนจึงจะได้รับป้ายภาษีตัวจริง ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ที่ไม่มีป้ายภาษี มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ 1 คะแนน

 

 

สำหรับช่องทางตรวจสอบใบสั่งจราจรค้างจ่าย ประชาชนสามารถตรวจสอบใบสั่งค้างจ่าย และชำระผ่านออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่เว็บ https://ptm.police.go.th/eTicket โดยมีขั้นตอน ดังนี้

 

 

1. ลงทะเบียนใช้งาน โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน / หมายเลขใบขับขี่หรือหมายเลขทะเบียนรถและกำหนดรหัสผ่าน

2.เข้าสู่ระบบหลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว

3. ค้นหาใบสั่งโดยระบุวันที่กระทำผิด

4.ระบบจะแสดงใบสั่งที่เคยได้รับ สามารถคลิกดูรายละเอียดของแต่ละใบได้ หากมีรถหลายคัน ระบบจะแสดงใบสั่งตามชื่อผู้ครอบครองรถคนเดียวกัน

5.สามารถชำระค่าปรับออนไลน์ได้เลย โดยจ่ายแอป Krungthai NEXT หรือสถานีตำรวจ ธนาคารกรุงไทย ไปรษณีย์ไทย ตู้ ATM กรุงไทยหรือตู้บุญเติม

 

 

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบใบสั่งจราจรค้างจ่ายและชำระใบสั่งผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้ พร้อมติดตามสถานะการชำระใบสั่งได้ด้วย หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร โทร.1197

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube