fbpx
Home
|
ข่าว

“นิพนธ์” จี้เลขาฯป.ป.ช. ไม่กล่าวร้ายใส่ร้าย-เสียหาย

Featured Image
“นิพนธ์” ถามกลับเลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวหาเป็นผู้มีอิทธิพล คดีฮั้วประมูล ซ่อมรถอบจ.สงขลา เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ควรระมัดระวัง ไม่กล่าวร้ายใส่ร้ายใคร ลั่น เสียหาย

 

 

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริต (ป.ป.ช.) มีมติให้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แทนศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 และยังขอให้ศาลฯ มีคำสั่งให้นายนิพนธ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. สงขลา ว่า ตนได้ชี้แจงในเรื่องนี้ มาหลายครั้งแล้วและไม่รู้จะพูดอย่างไรอีก

 

ซึ่งตนเป็นเพียรพยายามที่จะชี้แจงและร้องขอความเป็นธรรมจากป.ป.ช.มาตลอดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งใคร หรือก่อให้เกิดความเสียหายกับใครแต่เกิดจากการร้องเรียนและมีหนังสือจากจังหวัดสั่งไม่ให้จ่ายเงินล่วงหน้า โดยให้มีการรายงานข้อเท็จจริงต่อผู้ว่าราชการจังหวัด จึงได้ตั้งกรรมการสอบ ซึ่งสรุปผลว่ามีการฮั้วประมูลจริงและขณะนั้นเองตนได้รายงานต่อจังหวัด? และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือสตง.มาโดยตลอด และเรื่องดังกล่าวก็ปรากฏข้อชัดเจนแล้วว่า ขณะนี้ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9ได้ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้วการซ่อมบำรุงรถครั้งที่ 1-3 และขณะนี้เท่าที่ทราบอัยการได้สั่งฟ้องศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วและจำเลยเองก็อยู่ในเรือนจำ

 

รวมไปถึงขณะนี้เองป.ป.ช.ก็มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ในขบวนการฮั้วทั้งหมด จึงเป็นที่มาว่าเกิดการฮั้วเกิดขึ้นแล้วตนจะจ่ายเงินได้อย่างไร เช่นเดียวกับคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในปี 2519 ที่ขบวนการไม่มีการแข่งขันราคากันจริง ซึ่งขัดกับความสงบเรียบร้อยกฎหมายนิติกรรมที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ได้วางบรรทัดฐานไว้แล้วว่าเป็นโมฆะกรรม ไม่มีผลผูกพันกันอบจจึงไม่จำเป็นต้องถือหลักทรัพย์ไว้และให้คืน เนื่องจากนิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ และคำพิพากษาของศาลฎีกาในปี 2531 ก็เดินแนวทางนี้มาโดยตลอด

 

นายนิพนธ์ ยังระบุอีกว่า เรื่องนี้ผ่านพ้นเวลามายาวนานและมีการโต้แย้งกันมาตลอดตนไม่ประสงค์ที่จะให้โต้แย้งส่วนตัวและตนไม่มีปัญหาส่วนตัวกับป.ป.ช.แต่อย่างใดเพียงแต่ตนต้องการร้องขอความเป็นธรรม เพราะตนทำไปเพราะถือว่าเป็นการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน และรักษาผลประโยชน์ภาษีของประชาชน

 

ส่วนข้อกล่าวหาที่บอกว่าตนนั้นมีอิทธิพล และจะนำคดีมาพิจารณาที่ศาลอาญาทุจริตกลาง ซึ่งตามกฎหมายแล้วนั้น ศาลอาญาทุจริตภาค 9 เป็นผู้มีเขตอำนาจศาลตามกฎหมาย ซึ่งตนนั้นเสียหายมาก

 

“คนเราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ควรระมัดระวังไม่กล่าวร้ายใส่ร้ายใคร การกล่าวว่าตนเป็นผู้มีอิทธิพล ตนเสียหาย”

 

ส่วนจะดำเนินคดีฟ้องร้องกับหรือไม่นั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอดูก่อน และย้ำว่าไม่ประสงค์ที่จะตอบโต้อะไร แต่การที่กล่าวให้ผู้อื่นเสียหาย ต้องพึงระมัดระวัง และคิดว่าเรื่องที่จะไม่ฟ้องคดีในภาคศาลอาญาและประพฤติมิชอบภาค 9 นั้นไม่มีเหตุผล เพราะคดีเก่าที่ป.ป.ช.แจ้งความดำเนินคดีจับผู้ฮั้วประมูลก็อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 และหากเป็นการย้ายคดีมายังศาลกลางจริง ก็จะเป็นภาระ เพราะพยานทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ภาค 9 จึงควรจะดำเนินคดีที่นั่น

 

ส่วนจะมีการทำหนังสือแย้งไปยัง ป.ป.ช หรือไม่นั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า หากมีจริงคดี ตนจะเป็นคดีแรก ที่มีการใช้อำนาจอย่างนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube