fbpx
Home
|
ข่าว

ครม.เห็นชอบขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการจัดส่งนศ.จชต.

Featured Image
ครม.เห็นชอบขยายกลุ่มเป้าหมายของโครงการจัดส่งนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย ไม่ว่าถือศาสนาใดก็ได้รับทุน

 

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบปรับรายละเอียดโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 10) พ.ศ.62 – 66 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโดยเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “โครงการจัดส่งนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย” และปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับทุนอุดหนุนการศึกษา

 

จากนักศึกษาชาวไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกลุ่มผู้ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ได้ผลกระทบมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้รับทุนการศึกษาจะต้องไม่รับทุนการศึกษาอื่นซ้ำซ้อนในปีการศึกษาเดียวกัน

 

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ของโครงการยังเดิม คือ จัดสรรทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 44 ทุน ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 27 ทุน (ทุนละ 40,000 บาท/ปี) และสาขาวิชาสังคมศาสตร์ จำนวน 17 ทุน (ทุนละ 30,000 บาท/ปี) โดยจัดสรรทุนให้กับนักศึกษาเป็นรายจังหวัด ได้แก่ จังหวัดปัตตานี 12 คน จังหวัดนราธิวาส 13 คน จังหวัดยะลา 8 คน จังหวัดสตูล 7 คน และจังหวัดสงขลา เฉพาะ อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และ อำเภอสะบ้าย้อย 4 คน

 

ซึ่งจะได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐหรือในกำกับของรัฐ 9 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และได้ทำบันทึกความเข้าใจกับมหาวิทยาลัยเพิ่มอีก 3 แห่ง เมื่อปี 2564 ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยนเรศวร และ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 

ทั้งนี้ ผู้รับทุนเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จะต้องกลับไปปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อกลับมาพัฒนาพื้นที่บ้านเกิดของตนเอง

 

ทั้งนี้นางสาวรัชดา ระบุว่า การปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายโครงการในครั้งนี้ จะเป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหาย หรือได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ ให้สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของรัฐได้เป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งผู้สำเร็จการศึกษาจะได้กลับไปปฏิบัติงานในภูมิลำเนาของตนเอง ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่อันเป็นการแก้ไขปัญหาด้านสังคมจิตวิทยา การศึกษา รวมถึงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

 

และนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ยังเห็นชอบร่างแผนงานคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก พ.ศ. 2564 – 2568 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ซึ่งแผนงานคณะกรรมาธิการอาเซียนฯ ฉบับนี้ มีวิสัยทัศน์ คือ การเป็นผู้นำในการดำเนินการที่สำคัญในระดับภูมิภาค มุ่งขับเคลื่อนวาระและการสื่อสารปฏิสัมพันธ์ ตลอดจนการกระตุ้นให้เกิดการดำเนินนโยบายยุทธศาสตร์ และแนวทางในการส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็กในอาเซียน

 

โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ เช่น การวิเคราะห์ ศึกษา และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก, การจัดให้มีพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ การเสวนา และการเรียนรู้ระหว่างประเทศอาเซียน และการมีส่วนร่วมในกลไกระดับภูมิภาคในการดึงดูดการมีส่วนร่วมของเสาหลักของประชาคมอาเซียน เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสตรีและเด็กในภูมิภาค

 

สำหรับแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ อาทิ เชื่อมโยงกับเป้าหมายของอาเซียนที่ชัดเจนและการมีส่วนร่วมต่อแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. 2568 , สอดคล้องกับข้อตกลงสากลเช่นอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีปฏิญญาเวียดนาม

 

โดยจะขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติผ่าน 4 รูปแบบ คือ การมีส่วนร่วมและความร่วมมือกับอาเซียน, การเสริมสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือและการระดมทรัพยากร , โครงสร้างเชิงสถาบันและบทบาท และการประเมินโครงการ ซึ่งการติดตามประเมินผลนั้น จะยึดกรอบผลลัพธ์และดัชนีชี้วัดความสำเร็จ เช่น จำนวนหน่วยงานและหุ้นส่วนที่จัดตั้งขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิสตรีและสิทธิเด็กในอาเซียนที่เพิ่มขึ้น, จำนวนข้อคิดริเริ่มและโครงการที่เพิ่มขึ้น โดยองค์กรเฉพาะสาขาอาเซียนที่บูรณาการองค์ประกอบด้านสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก, จำนวนกิจกรรมการเข้าถึงสื่อออฟไลน์ ออนไลน์ และโซเชียลมีเดียของอาเซียนด้านสิทธิสตรีและสิทธิเด็กเพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาของประเทศจะต้องรับรองร่างแผนงานดังกล่าว เพื่อให้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการต่อไป

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebookhttps://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitterhttps://twitter.com/innnews

Youtubehttps://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTokhttps://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account@innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube