fbpx
Home
|
ข่าว

“ไทยสร้างไทย”ห่วงมาตรการล็อกดาวน์

Featured Image
“ไทยสร้างไทย” แสดงความห่วงใยมาตรการล็อกดาวน์ การบริหารงานตามยถากรรมของรัฐบาลโยนภาระให้ประชาชน การล็อกดาวน์ไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเร็ววัน “สุดารัตน์”เรียกร้องเงินเยียวยาต้องถึงมือผู้ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ครั้งนี้

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย, นางสาวสุวดี พันธุ์พานิช, นางสาวเกณิกา ตาปสนันทน์ รองโฆษกพรรคฯ แถลงข่าว แสดงความกังวลต่อการบริหารจัดการโควิดของรัฐบาล ที่ “บริหารงานตามยถากรรม” จนเหตุการณ์เข้าขั้นวิกฤต

โดยนางสาวเกณิกา เรียกร้องให้นายกแสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารจัดการที่ผิดพลาด เริ่มตั้งแต่การตรวจหาเชื้อ การส่งตัวเข้ารักษา การบริหารจัดการเตียง การดูแลบุคลากรทางการแพทย์ รวมไปถึงมาตรการรองรับการกักตัวของกลุ่มเสี่ยง ตามที่พรรคไทยสร้างไทยเสนอมาตั้งแต่ก่อนเมษายน

โดยเฉพาะหลักคิดของรัฐบาลที่สะท้อนจากการที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาการระบาดและเตียงไม่พอในกรุงเทพ ว่า เมื่อประชาชนเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด และติดโควิด ก็จะมีเตียงและการรักษาพยาบาลรองรับเพียงพอในแต่ละพื้นที่ เป็นแนวคิดที่วิบัติมาก ไม่ใช่คิดอย่างรัฐบาลที่คิดว่าเตียง กทม. เต็ม ก็ปิดกรุงเทพฯ แล้วให้คนกลับบ้านต่างจังหวัด ไปป่วยที่บ้านจะได้มีเตียง นี่คือข้อผิดพลาด เหมือนรอบแรกที่ส่งคนกลับไปแพร่เชื้อจนทั่วประเทศ และนโยบายที่ผิดพลาดครั้งนี้ จะทำให้สถานการณ์วิกฤตมากยิ่งขึ้น

ด้านนางสาวสุวดี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีบริหารตามยถากรรม” จนทำให้สถานการณ์วิกฤตเตียงไม่พอ ทำให้รับผู้ป่วยมารักษาไม่ทันท่วงทียิ่งส่งผลให้มีผู้ป่วยหนัก และตายมากขึ้น มาตรการที่จะเสนอให้ประชาชนรักษาตัวเองที่บ้าน หรือ Home Isolation โดยที่ประชาชนไม่มีความรู้ความเข้าใจในการสังเกตตนเอง ทั้งไม่มีเครื่องมือวัดไข้ และเครื่องมือวัดระดับออกซิเจน ที่มีส่วนช่วยในการประเมินคนไข้ รวมถึงหากไม่มีระบบการติดตาม จะยิ่งทำให้ผู้ป่วยได้รับยาช้าลง จนทำให้เตียงผู้ป่วยหนักวิกฤตยิ่งขึ้น ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาจากชุมชนแออัด ไม่สามารถแยกกักตัวได้ ส่งผลต่อการกระจายเชื้อให้คนในบ้านและคนในชุมชน

นอกจากนั้นมาตรการปัจจุบันให้ผู้ป่วยรักษา 10 วัน แล้วกลับไปรักษาตัวที่บ้าน 4 วัน ยิ่งจะทำให้การระบาดมากขึ้น ทำให้ชุมชนมีความเสี่ยงเพิ่ม รวมถึงผู้ป่วยที่ดูแลตัวเองได้ไม่ดี อาจจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการกลับมาแย่ได้ การรับผู้ป่วยได้เร็วขึ้น จะทำให้อัตรารอดชีวิตมากขึ้น ขอให้นายกรัฐมนตรีรับประชาชนเข้ารักษาเร็วเหมือนส่งรถไปรับ ส.ว. ติดเชื้อ

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า “การบริหารแบบตามยถากรรม” การล็อกดาวน์ โดยล็อกคน ปิดการทำมาหากินเพียงอย่างเดียว โดยไม่ล็อกโรค จะไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเร็ววัน คนจะตายเพราะโรคและพิษเศรษฐกิจอีกมากมาย

การแก้ไขปัญหาต้องคิดให้รอบด้าน 360 องศา เรื่องที่นายกในฐานะประธาน ศบค. ต้องเร่งแก้ไข คือ เรื่องเตียงขาดแคลน ซึ่งตนได้เสนอมาตั้งแต่กลางเดือน เม.ย.ให้นายกรัฐมนตรีเร่งดำเนินการ 2 เรื่อง คือ สร้างเตียงสนาม (เตียงเขียว) เพิ่มทุกเขตใน กทม. โดยใช้วัด, โรงเรียนที่ปิดอยู่ หรือเช่าโรงแรม 3 ดาวที่ว่างเพื่อเร่งนำผู้ติดเชื้อออกจากชุมชน เพื่อลดการระบาด

อีกเรื่องคือ การบริหารจัดการเตียงผู้ป่วย (เตียงเหลือง) และผู้ป่วยหนัก ICU (เตียงแดง) ให้บริหารจัดการเตียงในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ร่วมกับจังหวัดใกล้เคียง ที่มีการระบาดน้อย เตียงยังเหลือ ซึ่งถ้าทำตั้งแต่เม.ย.ตามที่แนะนำ ก็จะไม่เกิดเหตุเศร้าในวันนี้, เมื่อเร่งเตรียมเตียงได้แล้ว ต้องเร่งระดม “ตรวจเชิงรุก” เพื่อนำผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อเข้าระบบเร็วที่สุด, เรื่องวัคซีน ในขณะนี้สายพันธุ์อินเดีย กำลังกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดอยู่ในกรุงเทพฯและอีกหลายจังหวัด ซึ่งกระจายเร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษ และป่วยหนัก เสียชีวิตมากกว่า ขณะที่วัคซีนเชื้อตาย ทำจากสายพันธุ์จีน จึงมีข้อจำกัด เห็นว่าปัญหาขณะนี้เป็นผลจากนโยบายที่ผิดพลาด choice of vaccine ที่เลือกไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดในขณะนี้ ต้องเร่งนำเข้าวัคซีน mRNA ที่ต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์ อย่างสายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกา ที่กำลังระบาดในประเทศไทยได้ ไม่ใช่ยังดื้อดึงซื้อวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพต่อเชื้อกลายพันธุ์ต่อไป

และการล็อกดาวน์ ต้องมาพร้อมกับการเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ตั้งแต่ลูกจ้างจนไปถึงเจ้าของกิจการ เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องชดเชยค่าเสียหาย ที่เกิดจากการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาลเองที่บริหารงานตามยถากรรม จนควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไม่ได้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจและลูกจ้างต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดรายได้

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube