Home
|
ข่าว

ไร้ “ทวี” คดีฮั้วสว.หยุดลาม-ดีลน้ำเงินเจ๊าแดง

 

ยังมีอาฟเตอร์ช็อค หลังดินไหวทางการเมืองคำสั่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” เมื่อวาน (14 พ.ค.2568) ให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดกำกับดูแล DSI ที่เป็นตัวตั้งตัวตีกับ อธิบดีDSI ลุย “คดีฮั้วเลือกตั้งสว.” ร่วมกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผ่าน “กรรมการสืบสวนและไต่ส่วนคณะที่ 26” จำนวน 7 คน เพราะในทางการเมือง ที่ถูกมองโฟกัสเป้าไปที่ 138สว.สีน้ำเงิน แบบหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้น กับการไปไล่ปิดหมายเรียก55สว.ระดับตัวตึงที่มีคิวต้องเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ กกต.วันที่ 19พ.ค.
แถมทำท่าว่าจะลามไปถึง “เพลย์เมคเกอร์”ในพรรคการเมืองใหญ่ 4-5 คน ที่ในช่วงวันหยุดมีข่าวเช่นกันว่า อาจมีหมายเรียกออกมาอีกชุดหนึ่ง กระทั่งเมื่อวาน (14พ.ค.2568)ที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง “หยุดทวี”

 

นอกจากแวดวงนักกฎหมายที่มองปรากฎการณ์ดังกล่าวคำสั่งดังกล่าวที่ถือเป็นครั้งแรกของการที่ศาลรธน. สั่งให้ รัฐมนตรียุติหน้าที่เฉพาะกรมDSI เพราะในครั้ง “ลุงตู่” ยังเป็นการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งนายกฯแต่ยังทำหน้าที่รมว.กลาโหมต่อแล้ว ใน แวดวงการเมือง ยังวิเคราะห์ปรากฎการณ์นี้ในเชิง “ผลกระทบทางการเมือง” ระหว่าง “คู่ขัดแย้ง”2 อย่าง เพื่อไทยกับภูมิใจไทย ที่มีผู้นำจิตวิญญาณอย่าง ทักษิณ ชินวัตร และ เนวิน ชิดชอบดูแล ที่ทั้ง 2 สีขบเหลี่ยมขัดแย้งกันมาตลอดนับแต่การร่วมรัฐบาลแบบพลิกขั้วสลับข้าง

 

โดยฝ่ายการเมืองวิเคราะห์แม้กรณีการ “หยุดทวี”ที่ย่อมส่งผลต่อการเดินหน้าของ DSI และ กกต.หลังจากนี้ จะเป็นสัญญานเหมือนค่ายน้ำเงิน จะพลิกกลับมาได้เปรียบ นับตั้งแต่ “คดีคนชั้น14” ปรากฏทิศทางชัดเจนจาก “มติแพทยสภา”(8พ.ค.)หากแต่ด้านหนึ่งจากปรากฎการณ์การกวาดต้อน “งูเห่า” อย่างขมักเขม้นแบบประกาศให้โลกรู้ของ  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แห่งพรรคกล้าธรรมที่ถูกมองเป็น “มืองาน”พรรคสาขาของ “นายใหญ่”ก็ถูกจับตาไปถึง ทิศทางใน“เจตจำนงเดิม”ของ ทักษิณ ก่อนหน้านี้ กับการ เปลี่ยนสมการการเมือง ดีด พรรคภูมิใจไทยออกจากการร่วมรัฐบาล หลังจากที่มีการขบเหลี่ยมกันจน “ทักษิณ”ปั่นงานเศรษฐกิจไม่ออกและเป็นเหตุให้ “ฝ่ายจารีต” โดยเฉพาะ “โจทย์เก่า”ขบวนการต้านระบอบทักษิณ เริ่มรุกเร้ากดดันผ่าน 2 คดีใหญ่ ที่ติดตัวอย่าง “คดีคนชั้น14”และ “คดี112” ที่ทิศทางดังกล่าวถูกมองเป็นที่มาของปรากฎการณ์ใน”ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่เป็นการบาลานซ์อำนาจให้ 2 สี

 

สอดรับกับที่ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า ที่มองว่าถ้าดูเฉพาะเรื่องนี้ เหมือนไปเพิ่มน้ำหนักให้กับทางน้ำเงิน แต่ควรดูทั้งเรื่องของความสัมพันธ์แต่การที่ “เขา”ต้องการให้เกิด “ดุล”ระหว่าง “แดง”กับ “น้ำเงิน”มันก็ต้องมีเหตุการณ์ลักษณะเพื่อให้ทั้ง 2 สีกลับมาสู่ในจุดต่อรองที่สมดุล

 

อย่างที่คดีฮั้วเลือกตั้ง สว. ไปไกลถึงการออกหมายเรียกไปทราบข้อกล่าวหา ก็ต้องมีอะไรอย่างนี้มาดึง เพราะหากเป็นไปตามกระบวนการ เรื่อยๆ ทางสีน้ำเงิน จะเสียอำนาจต่อรองสูง โจทย์วันนี้เขาต้องการให้ แดง กับ น้ำเงิน จับมือกัน จะอยู่กันอย่างไรตบจูบหรือรักกันอย่างไร ก็ไม่ว่า แต่ต้องอยู่ด้วยกันยังต้องใช้บริการสองสีเพื่อ สะกดสีส้ม ซึ่งในที่สุดมันจะเข้าสู่การต่อรองได้ คนที่ต่อรองต้องอยู่ในอำนาจที่เท่าเทียมกัน และว่า “คดีฮั้วเลือกตั้งสว.” ส่วนหนึ่งทางสีแดงเหมือนเสียเปรียบไปบางจุด
แต่ก็ไม่ได้หยุดเกม ยังเห็นความพยายามเติมส.ส.เข้าไปที่พรรคบางพรรค และมันทำให้สุ่มเสี่ยงที่ สีน้ำเงิน จะหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล กับภาพพรรคกล้าธรรม ที่สะสมกำลังไปเรื่อย ๆ

 

แต่ ผู้กำกับ ต้องการให้ น้ำเงิน แดง ต้องอยู่ด้วยกันทั้งคู่ ยังไงต้องอยู่ในเกมด้วยกัน ไม่งั้นไม่มีทางสู้สีส้มดังนั้น จะทำให้ การไล่เก็บส.ส.งูเห่า ของ “กล้าธรรม” จะเป็นแค่ เพิ่มอำนาจการต่อรองการปรับครม. แต่ยังไม่ไปถึงขั้นไล่ สีน้ำเงินออกจากร่วมรัฐบาล เช่นกันปม ฮั้วเลือกตั้งสว.ที่จะจบอย่างไรก็ตามแต่น้ำเงินแดงก็ยังจะถูกทำให้ต้องคุยกัน


 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnewsฮั้

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube