fbpx
Home
|
ข่าว

ประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ สว.ขอ กกต.เร่งรับรอง ส.ส.

Featured Image
ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา ขอ กกต.เร่งรับรอง ส.ส. พร้อมส่งเรื่องการถือหุ้นสื่อ “พิธา” ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด เพื่อให้เกิดข้อยุติที่ชัดเจนก่อนวันโหวตนายกฯ ย้ำแม้ขณะนี้จะโอนหุ้นสื่อไปแล้ว ก็ไม่มีผลใดๆในทางกฎหมาย

 

 

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ในการติดตามข้อร้องเรียนการถือหุ้นสื่อ ITV ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล

 

 

รวมถึงข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเกี่ยวกับการครอบงำพรรคการเมือง ที่มีหลายคนไปร้องเรียนต่อ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 

 

โดย นายเสรี ระบุว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับที่มีผู้ไปยื่นร้องต่อ กกต. ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯ จะส่งเรื่องไปยัง กกต.ให้รับทราบ และเห็นว่าเรื่องเหล่านี้ควรจำเป็นจะต้องเร่งหาข้อยุติและชัดเจนโดยเร็ว โดยเฉพาะคุณสมบัติของหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อจะแก้ปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา

 

 

ทั้งนี้ จากการพิจารณาคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีข้อเท็จจริง มีหลักฐาน รวมถึงตามข้อกฎหมายและข้อบังคับของพรรคก้าวไกล มีมูลที่จะเห็นได้ว่านายพิธา ขาดคุณสมบัติ ตั้งแต่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และหากขาดคุณสมบัติการเลือกตั้ง ก็จะมีผลต่อการรับรองผู้สมัคร ส.ส. ในพรรค คณะกรรมาธิการฯ จึงอยากให้กกต. เร่งรัดในการรับรอง ส.ส. รวบรวมหลักฐานวินิจฉัย และเสนอเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด

 

 

ก่อนจะถึงกำหนดวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดข้อยุติที่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ เนื่องจากอย่างน้อยที่สุดการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดนั้น ก็จะเป็นที่ยอมรับของสังคมหมู่มาก เพราะหากรอไปจนถึงให้สมาชิกวุฒิสภาลงมติโหวตเลือกนายกก็จะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจจะนำไปสู่การเกิดความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม

 

 

ส่วนกรณีที่ขณะนี้ นายพิธาได้มีการโอนหุ้นสื่อ ITV ไปแล้ว จะมีผลอย่างไรหรือไม่นั้น นายเสรี ระบุว่า การโอนหุ้นสื่อไม่ว่าจะโอนด้วยวิธีไหนก็ตามจะต้องดูว่าโอนในช่วงไหน หากโอนในช่วงระหว่างนี้ก็ไม่มีผลใดๆ เนื่องจากการจะมีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่นั้น จะต้องเริ่มดูตั้งแต่ที่มีการเสนอชื่อในบัญชีของพรรคการเมืองที่จะยื่นให้กกต. ซึ่งมีผลในทางกฎหมายแล้ว

 

 

ดังนั้น ไม่ว่าจะขายหรือโอนหุ้นสื่อในขณะนี้ออกไป ก็ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงและไม่มีผลใดๆ เนื่องจากคุณสมบัติของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นตั้งแต่มีการเสนอชื่อในบัญชีพรรคการเมืองที่ส่ง กกต. ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อมีการเสนอชื่อในที่ประชุมสภาฯ จึงเป็นไปตามข้อกฎหมายที่คนจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ จะต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีของพรรคการเมืองเสนอเข้ามาต่อ กกต.

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube