“ธิดารัตน์” โฆษกไทยสร้างไทย คาดหวังเวทีประชุมอาเซียนเร่งกดดันเมียนมาร์ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้
นางสาวธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ เปิดเผยว่านับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์รัฐประหารในเมียนมาร์ มีการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามขั้วตรงข้ามทางการเมืองโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านรอบด้าน แม้จะมีการประณามการกระทำของรัฐบาลเมียนมาร์จากนานาประเทศ รวมทั้งประชาคมอาเซียนเอง ซึ่งในการประชุมผู้นำอาเซียนที่กำลังเกิดขึ้น สมาชิกอาเซียนต่างเร่งกดดันเมียนมาร์ และมีมติไม่เชิญผู้แทนจากเมียนมาร์เข้าร่วมประชุมเพื่อตอกย้ำให้เมียนมาร์เร่งจัดการแก้ปัญหาภายในอย่างเร่งด่วน อีกทั้งยังมีการมอบหมายให้คณะมนตรีประสานงานอาเซียนทบทวนการเป็นตัวแทนของเมียนมาร์ในการประชุมครั้งต่อไปอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างร่วมกันกดดันเมียนมาร์และได้มีการออกข้อตกลงสันติภาพร่วม 5 ข้อ (5-point consensus) ได้แก่ 1) การยุติความรุนแรงในเมียนมาร์โดยทันที 2) ต้องมีการเจรจาระหว่างผู้มีผลประโยชน์ร่วมทุกฝ่ายโดยเล็งเห็นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ 3) มีการไกล่เกลี่ยผ่านกลไกของอาเซียนโดยมีเลขาธิการอาเซียนเป็นตัวกลาง 4) ต้องเปิดให้มีการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมโดยศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และ 5) การเปิดให้ตัวแทนจากนานาชาติเข้าพบผู้นำภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเมียนมาร์ ซึ่งมีความคืบหน้าล่าสุด คือ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ที่เมียนมาร์สามารถดำเนินการตามข้อตกลงข้อแรกได้เพียงบางส่วน และเปิดให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพียงบางส่วนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมยังคงไม่เห็นพัฒนาการความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าวเพิ่มเติม ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่สมาชิกอาเซียนยังไม่สามารถกดดันให้เมียนมาร์ปฏิบัติตามได้ แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้เร่งกำหนดแผนและเงื่อนไขเวลาในการดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งผู้นำอาเซียนได้มอบหมายให้รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกร่วมกันพัฒนาแผนปฏิบัติการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้เสนอให้ยังคงแบนรัฐบาลทหารของเมียนมาร์จากการประชุมของประชาคมทั้งหมดนอกเหนือจากการประชุมระดับสูงที่มีความจำเป็นต่อไป จนกว่าจะมีความคืบหน้าในการจัดการปัญหาการเมืองภายในที่สอดคล้องกับข้อตกลงสันติภาพร่วม 5 ข้อ ซึ่งนางสาวธิดารัตน์เห็นด้วยกับจุดยืนของผู้นำอินโดนีเซีย พร้อมทั้งแสดงความกังวล โดยเฉพาะในเรื่องการให้ความช่วยเหลือเชิงมนุษยธรรมกับประชาชนชาวเมียนมาร์ที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังเรียกร้องให้เพิ่มการกดดันกองทัพเมียนมาร์ให้ยุติความรุนแรง เฉกเช่นเดียวกับข้อเรียกร้องที่สหประชาชาติระบุไว้ เพราะยิ่งเหตุการณ์ดำเนินต่อไป ยิ่งจะทวีความเสียหาย และเร่งการเพิ่มจำนวนผู้อพยพและผู้หนี้ภัยจากสงครามมากยิ่งขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
