fbpx
Home
|
ข่าว

“จักรพล” ชมรัฐทำดีผลักดันอุตฯท่องเที่ยว แต่มีช่องโหว่

Featured Image
“จักรพล” ชมรัฐทำดีผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่มีช่องโหว่ หวั่นทำลายฝันของธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ

 

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การเตรียมผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย 4 กลยุทธ์ และตั้งเป้าว่าจะดันรายได้การท่องเที่ยวปี 2566 รวม 2.38 ล้านล้านบาท ว่า เป็นเรื่องที่ดี แต่พรรคเพื่อไทยได้มองเห็นช่องโหว่ของกลยุทธ์ดังกล่าว คือ

 

1.แผนการดำเนินการที่ไม่ชัด ขาดการวางแผนการดำเนินการที่ไม่รัดกุมและไม่รอบคอบ

 

2.รัฐอาจจะแพ้ภัยตัวเอง หากรัฐบาลยังหลงตัวเองคิดว่าตัวเองยังอยู่หัวคะแนนของตารางการท่องเที่ยวอยู่ ยิ่งทำให้รัฐบาลเพิกเฉยต่อธุรกิจการท่องเที่ยวไทยหรือไม่

 

3.บาดแผลทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยหายไป คือการว่างงานในระยะยาวอาจปรับตัวสูงสุดแตะได้ถึง 1.7 แสนคน , ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการปรับตัวลดลง , ดัชนีความสุขของคนในประเทศไทยลดลงจากอันดับจากที่ 34 ให้ลงมาถึงอันดับที่ 46 , จำนวนนักท่องเที่ยว ในปี 65 อาจจะหายไปถึง 33 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 63 และรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่หายไปไปมากกว่า 3.5 ล้านล้านบาท และรัฐบาลยังสร้างบาดแผลเพิ่มจากแผนและกลยุทธ์การท่องเที่ยวที่เพ้อฝันอีก เป็นการทำลายฝันของธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

ทั้งนี้ ตนขอเสนอ 3 กลไกที่จะถูกผลักดันโดยเครื่องยนตร์ตัวที่ 5 คือ เครื่องยนต์ทางดิจิทัล ดังนี้ กลไกที่ 1 พัฒนากรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ด้วยการผลักดันสินค้าไทยที่โดดเด่น 2 กรอบความร่วมมือแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ไทย ด้วยการผลักดัน ชูจุดเด่นของสินค้าไทย 3 การเพิ่มขีดจำกัดของการแข่งขันในพื้นที่ ประกอบด้วย

 

1) การกำหนดสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน

 

2) การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเงินทุนและนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบกิจการทุกประเภท

 

3) การสนับสนุนการลงทุน ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่นำร่องการพัฒนากับโครงข่าย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube