fbpx
Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

กรณ์-สุพัฒนพงษ์ ศึกพลังงานชิงมวลชน

เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ที่ กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้าออกมาเปิดวอร์ (war) สงครามพลังงานกับรัฐบาล

 

 

และ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยตรง แต่ดูเหมือน ปัญหาจะยังไม่ถูกแก้ไขไปในทิศทางที่ควรจะเป็น โดยล่าสุด กรณ์ ออกมากระทุ้งอีกครั้งด้วยการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีกำชับ ‘รัฐมนตรีพลังงาน’ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดในช่วงนี้ เนื่องจากมีความหละหลวมในการดูแลประชาชนอย่างมาก

 

เนื่องจากเดือนที่ผ่านมานี้สังคมกดดันรัฐมนตรีเรื่อง ‘ค่าการกลั่น’ ที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้น้ำมันแพง ของแพง พร้อมแซะ สุพัฒนพงษ์ ว่าให้สัมภาษณ์ว่า ‘คิดมาก่อนแล้ว เตรียมมาตรการไว้เป็นชุด’ แต่แล้วถึงวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน ส่วน 3-4 วันที่ผ่านมานี้ ท่านได้ปล่อยให้ผู้ขายนํ้ามันเพิ่ม ‘ค่าการตลาด’ หรือรายได้ของผู้ค้าน้ำมัน ในกรณีของเบนซินขึ้นมาสูงเกินมาตรฐานปกติอย่างมาก

 

โดยไทม์ไลน์ เริ่มจาก 12 มิถุนายน 2565 กรณ์ แถลงข่าววิกฤตพลังงานและราคาน้ำมัน ว่าภายใต้หัวข้อ “คนไทยโดนปล้น! ค่ากลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 เท่า” ชง 3 ทางออก แก้วิกฤตพลังงาน แทรกแซงกำหนดเพดานค่าการกลั่น-ล่า 1 หมื่นชื่อ ออกกฎหมายเก็บภาษีลาภลอยปิโตรเลียม ฝากบอก สุพัฒนพงษ์ ลูกหม้อ ปตท. ว่าช่วงเวลานี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาเกรงใจเพื่อน ๆ มันมีวิธีที่เราสามารถช่วยเหลือบ้านเมือง ช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ต้องรีบตัดสินใจ

 

ต่อมา 20 มิถุนายน 2565 กรณ์ ออกมาย้ำว่ามาตรการของรัฐบาลไม่ทำให้ราคาหน้าปั๊มลดลง โดยราคาน้ำมันสัปดาห์ที่ผ่านมายังขึ้นอยู่ ซึ่งวิธีการหนึ่งที่จะทำให้ราคาน้ำมันลดได้ทันที คือการใช้อำนาจตามมาตรา 24 และ 25 (2) พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและการบริการ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ที่มี รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน สามารถใช้อำนาจกำหนดอัตรากำไรของสินค้าควบคุมได้

 

จากนั้น 5 กรกฎาคม 2565 กรณ์ ระบุรู้สึกผิดหวังกับผลประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาวิธีแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง เพราะยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมา เป็นเพียงการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 2 ชุด และเมื่อนายกรัฐมนตรีเปรียบเทียบหน้าที่ของคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดว่าคล้ายกับ ครม.เศรษฐกิจ ยิ่งเกิดข้อสงสัยว่าแล้วทำไมถึงไม่ให้ ครม.เศรษฐกิจทำหน้าที่ตรงนี้

 

ส่วน”สุพัฒนพงษ์” ที่ยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ไม่ออกมาตอบโต้อะไรมากนัก โดยเขา ชี้แจง ครม.เรื่องกำไรของโรงกลั่นตามที่นายกรณ์ เสนอนั้นถือว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าเป็นการเปรียบกับในช่วงเวลาที่ขาดทุน และช่วงที่มีกำไรสูง ซึ่งทำให้มีความแตกต่างกันมากระหว่างตัวเลขของกระทรวงพลังงานกับตัวเลขที่นายกรณ์ใช้ในการอ้างอิงมากโดยยืนยันว่าตัวเลขของนายกรณ์ไม่สอดคล้องความเป็นจริง

 

ทั้งนี้เมื่อส่องโปรไฟล์ของ ทั้ง 2คน สุพัฒนพงษ์ และกรณ์ ที่ต่างมีความรู้ความสามารถในด้านเศรษฐกิจ และด้านพลังงานทั้งคู่ โดยสุพัฒนพงษ์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มาตั้งแต่5 สิงหาคม 2563 และก่อนที่เข้ามาคลุกการเมือง เขามีประสบการณ์ ในบริษัทระดับยักษ์ใหญ่ในเครือปตท.มาอย่างยาวนาน แต่ที่สำคัญ เชามีเพื่อนร่วมรุ่น เรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 50 ชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

ส่วน กรณ์ นั้นเคยเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในช่วงปลายปี2551 ถึง ส.ค. 2554 ก่อนเล่นการเมือง เขาเคย สังกัดบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของประเทศหลายแห่ง และนิตยสารชั้นนำของประเทศอังกฤษเคยยกย่องให้เขา เป็น “รัฐมนตรีคลังโลก ปี 2010” และ “รัฐมนตรีคลังเอเชียแห่งปี 2010”

 

และขณะนี้สังคมกำลัง ตั้งคำถามกับ 2ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเศรษฐกิจ-พลังงาน ใครจะแม่นข้อมูลกว่ากัน ซึ่งศึกพลังงาน ครั้งนี้ เพื่อแย่งชิงประชาชน วัดพลังว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเรื่องพลังงาน เพื่อประชาชนได้หรือไม่?

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube