ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด นครศรีฯทะลัก 2 วันทำสถิติสูงสุด 18 ศพเมรุเผาศพต้องเร่งระบายความร้อนให้ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19 ในนครศรีธรรมราช 2 วันที่ผ่านมา คือวันที่ 13 และ 14 ตุลาคม 2564 ก่อให้เกิดความหวาดวิตกกับครอบครัวผู้ติดเชื้อ และสถานการณ์โดยรวมอย่างมากหลังจากทั้ง 2 วันคือวันที่ 13 ตุลาคมมีผู้เสียชีวิตจำนวน 10 ราย และวันที่ 14 คือวันนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย โดยสองวันมีผู้เสียชีวิตทำสถิติสูงสุดนับแต่การติดเชื้อเกิดขึ้นในนครศรีธรรมราชสูงถึง 18 รายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หลายรายได้ทยอยนำส่งเตาเผาศพที่วัดบุญนารอบ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ที่มีพระครูปลัดบวรปวรธัมโม เจ้าอาวาสวัด ได้เปิดให้นำผู้เสียชีวิตเข้าทำการฌาปนกิจโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำเมรุเผาต้องเผาศพอย่างต่อเนื่องต่อต่อกัน โดยต้องใช้วิธีการนำพัดลมโรงงานเข้าเป่าระบายความร้อนภายในเตาจากการเผาศพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมสำหรับการเร่งเผาศพให้ทันกับการทยอยส่งศพเข้ามาจัดการตามวิธีการควบคุมโรค
ส่วนการติดเชื้อในภาพรวมของจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้ง 2 วันที่ผ่านมายังมีตัวเลขที่สูงจนน่าเป็นห่วงเช่นเดียวกัน โดยในวันที่ 13 ตุลาคมมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 510 ราย และในวันที่ 14 ตุลาคม มีผู้ติดเชื้ออีก 499 รายนอกจากนั้นยังมีผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัดที่เดินทางกลับภูมิลำเนาอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ 2 วันนี้มีผู้ป่วยมากกว่า 1 พันราย ขณะเดียวกันนายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้กันพื้นที่อาคารในบริเวณสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสถานที่คัดกรองผู้ป่วยโควิด 19 จากผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในคลัสเตอร์ต่างๆทำให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งนี้เพื่อเร่งทำการควบคุมโรค
สำหรับคลัสเตอร์ที่เจ้าหน้าที่เป็นห่วงและให้ความสำคัญขณะนี้ประกอบด้วยคลัสเตอร์ในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอหัวไทร อำเภอท่าศาลา อำเภอสิชล อำเภอชะอวด อำเภอพรหมคีรี ส่วนจำนวนผู้ป่วยสะสมในนครศรีธรรมราช ขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยสะสม 21,607 ราย รักษาหายแล้ว 15,317 ราย เสียชีวิตแล้วจำนวน 134 รายโดยมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในวันที่ 14 และ 15 ตุลาคมมากถึง 18 ราย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
