ชัยภูมิปล่อยแถวตำรวจ ดูแลประชาชนขากลับ ตรวจอาวุธพกเจลติดเอวปราบวายร้ายไวรัสโควิด-19
บรรยากาศ ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ บนถนนหมายเลข 201 เส้นทางชัยภูมิ-แก้งคร้ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงสายจน ตลอดทั้งวันหลังจากหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยส่วนใหญ่จะแบกบรรทุกสัมภาระและสิ่งของต่างๆ รวมถึงของอุปโภคบริโภค เป็นเสบียงไว้ใช้ในเมืองกรุงโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยอำนวยความสะดวกตลอดทั้งเส้นทางให้กับประชาชน ทั้งยังถือปฎิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
โดยทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้มอบนโยบายให้ผกก.หัวหน้าสถานีตำรวจ ในสังกัด ช่วยกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาในเขตพื้นที่รับผิดชอบเตรียมรับมือทั้งจุดตรวจแอลกอฮอล์-อาชญากรรม รวมถึงจุดอำนวยความสะดวก และจุดคัดกรองไวรัสโควิด-19 บนถนนเส้นทางที่มีประชาชนผ่านโดยเฉพาะถนนหมายเลข 201 ที่จะมีรถประชาชนจำนวนมากแห่เดินทางกลับไปกรุงเทพฯ กันตลอดทั้งวันซึ่งจะทำให้มีรถฉลอตัวหรือถึงกับจะมีรถหนาแน่นจนการจราจรติดขัดในบ้างช่วงได้ซึ่งนี้คือปัญหาที่ทางเจ้าหน้าที่จะต้องรับมือมาตลอดทุกปี แถมปีนี้ยังมีเชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดในทุกจังหวัดซึ่งจะทำให้การปฎิบัติหน้าที่มีความเสี่ยงสูงที่จะต้องใกล้ชิดสัมผัสกับประชาชนทั่วไปอีกด้วย
ทาง พ.ต.อ.คำพล โนนุช ผกก.สภ.แก้งคร้อ ซึ่งจะเป็นด่านต้นๆ ที่จะต้องคอยรับมือจากการเดินทาง จึงมีความเป็นห่วง จนท.ผู้ที่มีความเสี่ยงในปฎิบัติงาน ได้จัดเตรียมหาอุปกรณ์ แอลกอฮอล์เจล ถุงมือและหน้ากากอนามัย เพื่อให้กำลังพลไว้เวลาออกปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสบายใจ
ขณะที่พ.ต.อ.อานุภาพ ผิวอ่อน ผกก.สภ.บ้านค่าย กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลวันสงกรานต์ ในปีนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางผู้บังคับบัญชา ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกนาย ได้มีการตั้งจุดตรวจ จุดคัดกรอง ชุดอำนวยความสะดวก ให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทาง ทั้งขาไปและขากลับ ได้อย่างปลอดภัย ทั้งจากภัยถนนและภัยจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันได้เล็งเห็น กำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ที่จะต้องใกล้ชิดและสัมผัสกับบุคคล ซึ่งอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกนาย ติดอาวุธใหม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
