ผู้ปกครองอีกราย ร้องศูนย์ดำรงธรรม แก้ปัญหาการบริหารโรงเรียนอนุบาลดังพัทลุง ขณะเด็กวัย 3 ขวบปลอดภัยกลับบ้านแล้ว
จากรณีที่ ผู้ปกครอง ออกมาร้องขอความเป็นธรรมหลังจากลูกชายวัย 3 ขวบ ของโรงเรียนอนุบาลชื่อดัง จังหวัดพัทลุง ล้มหัวฟาดพื้นจนศรีษะบวมโน ครูไม่นำส่งโรพยาบาลเพื่อให้การช่วยเหลือ และให้ทาน้ำมันเขียวเท่านั้น จนเมื่อผู้ปกครองเห็นจึงได้นำส่งโรงพยาบาล เด็กเกิดอาการช็อกหมดสติ และในเวลาต่อมาทางโรงเรียนอนุบาลโดยนางอุบล สงเนียม ผอ.โรงเรียน พร้อมด้วยนายก้าวหน้า สงเนียม รองผู้อำนวยการ และนางวิลาศ หนูยกครูพี่เลี้ยงเด็ก ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ล่าสุดในวันนี้ ทางสำนักงานประถมศึกษาจังหวัดพัทลุง เตรียมเดินทางไปเยี่ยมเด็กอนุบาลที่ได้รับบาดเจ็บหลังหมออนุญาตให้กลับบ้านได้พร้อมทั้งสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น และหาแนวทางการศึกษาให้กับเด็กใหม่ เนื่องจากหากเด็กที่ได้รับบาดเจ็บไปเรียนที่เดิมผู้ปกครองหวั่นจะไม่ได้รับความปลอดภัยหลังมีข่าวอกกมา
ขณะที่ นายนที บุญญนุวัตร ผุ้ปกครองเด็กอนุบาลหญิง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนมีข้อบกพร่องหลายอย่างในการดูแลเด็กอนุบาลในโรงเรียนไม่ว่าเรื่องนมโรงเรียนที่ให้นักเรียนดื่มโดยทางโรงเรียนได้นำใส่แก้วแล้ววางบนโต๊ะนานเป็นชั่วโมง โดยที่ไม่ปิดผา ซึ่งดูแล้วไม่สะอาด โรงเรียนเปิดปิดแอร์ในเวลาจำกัด ทั้งที่ส่วนต่างของค่าไฟฟ้า ผู้ปกครองจ่ายให้หัวละ 100 บาทต่อเดือน แต่ทางโรงเรียนกลับไม่ยอมเปิด ทำให้เด็กอนุบาลร้อนเป็นบางช่วงซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่เคยประชาสัมพันธ์ไว้ให้ผู้ปกครองทราบว่าเด็กทุกคนจะต้องเรียนในห้องแอร์ และการที่ให้เด็กอนุบาลทั้งชายหญิงในห้องเดียวกันแก้ผ้าล่อนจ้อนจากห้องเรียนไปยังห้องอาบน้ำ ซึ่งเห็นแล้วมันดูไม่เหมาะสมแม้จะเป็นเด็กก็ตาม ซึ่งตนได้เข้าไปพูดคุยกับผู้บริหารแต่กลับถูกปฎิเสธทั้งที่จ่ายค่าเทอมเพื่อให้ลูกเรียนในราคาที่สูง จึงได้ไปร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพัทลุง ก่อนส่งเรื่องไปยังสำนักงานประถมศึกษาจังหวัดพัทลุงเข้าตรวจสอบ จนนำไปสู่การแก้ไข แต่ตนเองกลับถูกกดดันและไล่ลูกออกจากโรงเรียน ต้องไปหาที่เรียนใหม่ อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบโรงเรียนเอกชนให้มากกว่านี้ ไม่ใช่พอเกิดเรื่องเกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ไข
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
