โคราชระดมกำลังทำความสะอาด ฆ่าเชื้อในตลาดสุรนารี หลังพบติดเชื้อลามไม่หยุด ล่าสุดพบเชื้อลามไปติดโรงงานและตลาดสดในพื้นที่อีกหลายแห่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ตลาดสุรนารี ริมถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่จากสำนักการสาธารณสุขเทศบาลนครนครราชสีมา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อบต.หนองกระทุ่ม และเจ้าหน้าที่ของตลาดสุรนารี กว่า 30 คน ได้ร่วมกันทำความสะอาดพื้น และบริเวณบูธขายสินค้าทางการเกษตร ภายในตลาดสุรนารี พร้อมกับฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วบริเวณตลาด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายหลังจากที่ตรวจพบพ่อค้า แม่ค้า ภายในตลาดสุรนารี ติดเชื้อไปแล้วจำนวน 106 ราย กลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่แพร่ระบาดไปสู่ตลาด และชุมชนต่างๆ รวมผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์นี้แล้วกว่า 500 ราย ทำให้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ต้องสั่งปิดตลาดสุรนารี ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ และให้มีการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อภายในตลาดทุกซอกทุกมุม เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดตลาดสุรนารีอีกครั้ง ในวันที่ 27 ก.ย. 64 ตามที่ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมากำหนดไว้
ขณะเดียวกัน วันนี้ (24 กันยายน 2564) คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ล่าสุดวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก จำนวน 257 ราย รวมผู้ป่วยสะสม จำนวน 24,649 ราย รักษาหายแล้ว จำนวน 21,353 ราย ยังรักษาอยู่ จำนวน 3,128 ราย เสียชีวิต จำนวน 168 ราย ขณะเดียวกันจากการตรวจเชิงรุกหลายแห่ง ก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนอยู่ในโรงงานและตลาดสดจำนวนมาก โดยเฉพาะในโรงงานแหลมทองอุตสาหกรรม จำกัด ริมถนนมิตรภาพ บริเวณทางแยกเข้า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา พบผู้ใช้แรงงานชาวเมียนมา และชาวไทย ติดเชื้อรวมกว่า 600 รายแล้ว นอกจากนี้ยังพบผู้ติดเชื้อในตลาดย่าโม ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา เพิ่มอีก 5 ราย รวมตลาดย่าโม ติดเชื้อแล้วจำนวน 14 ราย ซึ่งเกี่ยวโยงกับคลัสเตอร์ตลาดสุรนารีด้วย โดยขณะนี้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา กำลังเร่งตรวจเชิงรุกพ่อค้า แม่ค้าในตลาดสดต่างๆ จำนวน 20 แห่ง ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อทำการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
