ศรีสะเกษ 3 ตำรวจติดเชื้อโควิด-19 สั่งกักตัวกลุ่มเสี่ยง 24 ราย ทั้งจังหวัดติดเชื้อทุกอำเภอแล้ว ยอดพุ่งทะลุ 724 ราย
พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัด ศรีสะเกษที่ 653/2564 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจกักตัวเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า เนื่องจากมี นายตำรวจระดับสูงคนหนึ่ง เป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเข้ารับการรักษาตัวที่ โรงพยาบาลศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา
มีนายตำรวจผู้ใกล้ชิดและสัมผัสกับผู้ป่วย 2 ราย เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีผลเป็นบวก และได้เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลศรีสะเกษ จากเหตุดังกล่าวมีข้าราชการตำรวจ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล
จึงให้ข้าราชการตำรวจและลูกจ้าง ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง จำนวน 24 ราย เป็นหญิงจำนวน 5 คน และชาย จำนวน 19 คน กักบริเวณตัวเองให้อยู่บ้านพักส่วนตัว มีกำหนด 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 6 – 19 ก.ค. 64 งดการเดินทางออกไปพบปะบุคคลอื่น หากมีความจำเป็นต้องมีการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด คือใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา และล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง
โดยให้ถือปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อความปลอดภัยของตนเองและบุคคลอื่น หากมีอาการไข้หรือมีอาการผิดปกติ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เพื่อรับการตรวจทันที และรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ทั้งนี้ให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งโดยเคร่งครัด ซึ่งผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 24 รายที่ถูกสั่งให้กักตัวที่บ้านมีผลเป็นลบ
ทางด้าน ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19 ระลอกเมษายน 2564 ประจำวันที่ 7 ก.ค. 2564 ระบุว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มวันนี้ จำนวน 29 คน ทำให้มียอดสะสมทะลุถึง จำนวน 724 ราย เสียชีวิต 3 ราย รักษาหายเพิ่มวันนี้ จำนวน 1 ราย มีผู้ที่ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีสะเกษและ รพ.ตามอำเภอต่าง ๆ จำนวน 279 ราย โดยขณะนี้ จ.ศรีสะเกษ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ครบทุกอำเภอ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
