คลัสเตอร์ 2 กลุ่มแม่ค้าตลาดสดหัวอิฐกลางเมืองนครศรีฯ ทำยอดติดเชื้อพุ่งหลายฝ่ายเร่งสกัดระดมค้นหาเชิงรุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลาดสดหัวอิฐ ริมถนนกะโรม ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ยังคงปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง กว่า 1 สัปดาห์แล้ว จะมีกำหนดเปิดอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม โดยหลายฝ่ายหวังว่าสถานการณ์ในการตรวจพบเชื้อจากกลุ่มแม่ค้าในตลาดแห่งนี้ 2 คลัสเตอร์คือ คลัสเตอร์แม่ค้าไก่สด และแม่ค้าเครื่องแกงและอาหารแห้ง โดยในวันนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 30 ราย โดย 23 รายในจำนวนนี้มาจากคลัสเตอร์จากแม่ค้าเครื่องแกงและอาหารแห้ง ซึ่งเมื่อรวมกับผู้ป่วยคลัสเตอร์แม่ค้าไก่สดก่อนหน้านี้ทำให้ 2 คลัสเตอร์นี้มีผู้ป่วยสูงถึง 55 รายแล้ว ซึ่งการพบเชื้อในพื้นที่ย่านตลาดแห่งนี้ได้สร้างความกังวลให้เจ้าหน้าที่อย่างมากเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นชุมชนหนาแน่น และผู้ค้าที่ติดเชื้อมีปฏิสัมพันธ์กับคนหลายกลุ่ม และในขณะเดียวกันยังเป็นผู้ซื้อในอีกหลายตลาด โดยเฉพาะตลาดขายส่งที่กลุ่มแม่ค้าเข้าไปซื้อสินค้ามาขายปลีก ทำให้มีผู้สัมผัสเสี่ยงจำนวนมาก
โดยช่วงเช้าที่ผ่านมานายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการระดมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช สนธิกำลังแพทย์พยาบาลจากหลายโรงพยาบาล เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้ปฏิบัติการที่เรียกว่า “Active case finding (แอคทีฟ เคส ฟายดิ้ง) โดยได้เชิญชวนให้ผู้ที่อยู่ในชุมชนตลาดหัวอิฐและใกล้เคียงที่มีความสงสัยว่าตัวเองอาจติดเชื้อ เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจเชื้อที่บริเวณวัดหัวอิฐ ใกล้เคียงกับตลาดหัวอิฐมีผู้ที่สนใจเข้ารับการตรวจกว่า 1 พันคน
นอกจากนี้ แพทย์หญิงศิริลักษณ์ ไทยเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นำรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน Biosafety Mobile Unitท เข้าทำการเก็บตัวอย่างจากกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงกับทั้ง 2 คลัสเตอร์ อีกกว่า 100 คน เพื่อเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อเข้าทำการรักษาสกัดกั้นการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน ขณะวันนี้พบเชื้อเพิ่มอีก 30 คนส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมในระลอกเมษายน 2564 สูงถึง 758 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 418 ราย เสียชีวิตสะสม 8 ราย โดยคลัสเตอร์ที่ระบาดทำยอดผู้ป่วยสูงสุดคือคลัสเตอร์วงพนันในงานบวชพื้นที่ร่อนพิบูลย์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news