ไทยออยล์มองปี66 ภาพรวมธุรกิจฟื้นตัวจากความต้องการน้ำมันเดินทาง หลังทั่วโลกเริ่มประเทศเปิดมากขึ้น
นางสาวทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการเงิน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า สำหรับไตรมาส 3/2565 ไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 124,174 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 8.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 9,238 ล้านบาท และมี EBITDA ติดลบ 568 ล้านบาท เมื่อรวมกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงินจำนวน 5,090 ล้านบาท และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,710 ล้านบาท หลังหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ทำให้ในไตรมาส 3/2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 11.71 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,062.67 ล้านบาท
ส่วนงวด 9 เดือนปี 2565 ไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 32,521.31 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,545.35 ล้านบาท จากสถานการณ์ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
รวมถึงการอ่อนค่าของค่าเงินบาทในช่วงเวลานี้ ไทยออยล์ได้มีการบริหารป้องกันความเสี่ยงด้านราคาน้ำมันดิบและด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนจากสถานการณ์ดังกล่าว
หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในหลายประเทศทั่วโลกคลี่คลายลง ทำให้เกิดการผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ประกอบกับความต้องการใช้เชื้อเพลิงสำหรับทำความร้อนในช่วงฤดูหนาว ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจการกลั่นช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 มีแนวโน้มดีขึ้น ตลาดยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม หลังประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไทยออยล์สามารถระดมเงินทุนได้ถึง 10,368 ล้านบาท ซึ่งเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงิน ดังนั้น ไทยออยล์จึงเร่งเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจตามแผนการลงทุนที่วางไว้ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน
รวมถึงการต่อยอดไปยังธุรกิจปิโตรเคมี และผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง การลงทุนในธุรกิจโอเลฟินที่ประเทศอินโดนีเซีย รวมทั้งขยายตลาดและกระจายผลิตภัณฑ์ไปสู่ต่างประเทศในระดับภูมิภาค และแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ (New S-Curve) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้พลังงานในอนาคต เพื่อลดความผันผวนจากอุตสาหกรรมพลังงาน และนำไปสู่เป้าหมายการเติบโตที่ยั่งยืน
สำหรับภาพรวมในปี 2566 คาดว่าธุรกิจจะทรงตัวความต้องการใช้น้ำมันเพื่อการเดินทางข้าจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากหลายประเทศเริ่มเปิดประเทศมากขึ้นขณะที่อุปทานของรัสเซียมีแนวโน้มปรับลดลงและยังมีความไม่แน่นอนจากการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของรัสเซียในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566
ท่ามกลางปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างไรก็ตามตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการเปิดดำเนินการของโรงกลั่นใหม่ขนาดใหญ่หลายแห่งและความไม่แน่นอนของนโยบายการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจีนที่อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews