fbpx
Home
|
เศรษฐกิจ

พณ.ชูผลงานเด่นปี65 เน้นนโยบายเชิงรุกด้านเศรษฐกิจ

Featured Image
กรมการค้าต่างประเทศ ชูผลงานเด่นปี65 เน้นนโยบายเชิงรุกด้านเศรษฐกิจ ยกระดับการให้บริการด้วยนวัตกรรมดิจิทัล

 

 

นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลงานสำคัญของกรมการค้าต่างประเทศ ในปี2565 โดยได้มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกด้านเศรษฐกิจ พร้อมกับยกระดับการอำนวยความสะดวกทางการค้าต่างประเทศด้วยนวัตกรรมดิจิทัล

 

ให้สอดคล้องกับบริบทการค้าโลกยุคใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มมูลค่าการค้าของไทยให้เติบโต รวมถึงส่งเสริมให้ภาคธุรกิจฟื้นตัวและผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการ ผลักดันการค้าและเร่งรัดการส่งออกขยายโอกาสทางการตลาด ตลอดจนพัฒนาการให้บริการภาครัฐ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ควบคู่กับการสร้างสังคมที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

 

โดยผลงานสำคัญ ที่ผ่านมา อาทิ ด้านการค้าชายแดน มีการผลักดันการเปิดจุดผ่านแดนฝั่งไทยเพิ่มอีก 24 แห่ง รวมเป็น 70 แห่งทั่วประเทศ จากทั้งหมด 97 แห่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจพื้นที่ชายแดนให้เกิดกิจกรรมทางการค้าและการลงทุน โดยเป้าหมายการส่งออกชายแดนรวมและผ่านแดนรวม ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 5 หรือมูลค่า 1.08 ล้านล้านบาท

 

ซึ่งมูลค่าการค้าชายแดน 7 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 6.18 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.63 โดยเป็นมูลค่าการส่งออกว่า 3.76 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.85 มูลค่าการนำเข้ากว่า 2.42 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.87

 

ด้านการดูแลสินค้าข้าว มีการส่งเสริมการส่งออกสินค้าข้าวผ่านโครงการประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในต่างประเทศ และงานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติ THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 รวมถึงจัดการประชุมหารือกับหน่วยงานของประเทศผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนและติดตามสถานการณ์การค้าข้าวระหว่างกัน โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี การส่งออกมีปริมาณ 5.35 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.46 มูลค่าการส่งออก 93,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.11 โดยกรมฯ ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้ปรับเป้าส่งออกข้าวไทยในปี 2565 จาก 7 ล้านตัน เป็น 7.5 ล้านตัน

 

 

ด้านสินค้ามันสำปะหลัง กรมฯ ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันการส่งออก ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวส่งผลให้ตลาดส่งออกมีเสถียรภาพส่งผลดีกับราคามันสำปะหลังทั้งระบบ นอกจากนี้ได้ร่วมกันจัดทำแผนการขยายตลาดปี 2565/66 ได้แก่ ตลาดเดิมที่ประเทศจีน ตลาดเก่าที่ยุโรป และตลาดใหม่ในตุรกี นิวซีแลนด์ อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และซาอุดีอาระเบีย

 

โดยในช่วง 8 เดือนแรก ปี2565 ไทยส่งออกสินค้ามันสำปะหลังแล้วปริมาณ 8.10 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,112 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าจะส่งออกสินค้ามันสำปะหลังได้ 11 ล้านตัน มูลค่า 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ซึ่งเป็นมูลค่าส่งออกสูงสุดในรอบ 15 ปี ส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้ความต้องการสินค้ามันเส้นจากไทยมีมากขึ้น

 

ด้านสิทธิประโยชน์ทางการค้า มีการส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTAs และ GSP โดยจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก้ผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 4 ครั้ง โดยช่วงเดือน ม.ค. – ก.ค. 2565 การใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง FTAs มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวม 49,900.11 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 80.98 การใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง GSP มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวม 2,194.73 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 56.59

 

ด้านมาตรฐานสินค้าส่งออก กรมฯ ได้พัฒนาระบบ “จ่ายปุ๊บ ต่อปั๊บ” หรือ ระบบชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบทะเบียนผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานและใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า และผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าแทนการยื่นคำขอ

 

พร้อมปรับปรุงและออกข้อบังคับกรมการค้าต่างประเทศว่าด้วยการใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย พ.ศ. 2565 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิไทยในการใช้ประโยชน์จากเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทยที่จำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคว่าได้บริโภคข้าวหอมมะลิไทยอย่างแท้จริง

 

ด้านการป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า กรมฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไป โดยกำหนดรายการสินค้าเฝ้าระวังจำนวน 42 รายการ และผู้ส่งออกต้องมีผลการตรวจถิ่นกำเนิดสินค้าหรือตรวจต้นทุนของสินค้าเฝ้าระวังดังกล่าว ประกอบการขอ Form C/O ทั่วไป เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกในอนาคต

 

อย่างไรก็ตาม กรมฯมีแผนการดำเนินงานในปี 2566 ให้เกิดความต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นหน่วยงานส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการค้าต่างประเทศ ผลักดันมูลค่าทางเศรษฐกิจและรองรับตลาด 5.0

 

ภายในปี 2570” ด้วยการพัฒนาและยกระดับระบบให้บริการด้านการค้าต่างประเทศ ณ จุดเดียว (One Stop Service) โดยผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงระบบให้บริการทั้งหมดของกรมฯ ด้วยบัญชีผู้ใช้งานเพียงบัญชีเดียว (One ID) และการพัฒนาระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อลดขั้นตอน ลดระยะเวลา และลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube