fbpx
Home
|
เศรษฐกิจ

อาเซียนถกฟื้นฟูเศรษฐกิจปี65จากโควิด-19

Featured Image
อาเซียน ถกฟื้นฟูเศรษฐกิจปี65 หลังการระบาดของโควิด-19 พร้อมเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัล

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน (HLTF-EI) ครั้งที่ 40 ผ่านระบบประชุมทางไกล ซึ่งเป็นการประชุมระดับปลัดกระทรวงด้านเศรษฐกิจของอาเซียน หารือแนวทางการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ความร่วมมือของประเทศสมาชิกเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาค การทบทวนการดำเนินงานตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 การจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียนภายหลังปี 2025 การจัดทำยุทธศาสตร์ของอาเซียนเพื่อรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของกัมพูชา ก่อนเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ที่จะมีการประชุมในเดือนกันยายนนี้

ซึ่งแผนยุทธศาสตร์อาเซียนในการรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ตามข้อเสนอของไทยที่ผ่านมาเน้นการพัฒนาและยกระดับอาเซียนไปสู่ความเป็นดิจิทัล โดยที่ประชุมจะเสนอแผนดังกล่าวให้ผู้นำอาเซียนเห็นชอบในเดือนตุลาคม 2564 ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำความสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการใช้ดิจิทัล การอำนวยความสะดวกทางการค้า การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างความยั่งยืนแก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ และการฟื้นฟูการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ประเมินผลการดำเนินงานของคณะทำงานในสาขาต่างๆ ตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ค.ศ. 2025 ซึ่งดำเนินการมาได้ครึ่งทาง พบว่ามีความก้าวหน้าแต่จะต้องปรับปรุงการทำงานในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีการหารือเพื่อเตรียมจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียน ขณะที่ไทยได้เน้นย้ำความสำคัญของการบังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ตามที่ตกลงกันไว้ คือวันที่ 1 มกราคม 2565 เพื่อเร่งขยายการค้าและการลงทุนในภูมิภาค

ทั้งนี้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ ADB คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอาเซียนในปี 2564 จะขยายตัวร้อยละ 4 ในขณะที่ปี 2565 จะขยายตัวร้อยละ 5.2

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube