สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รองรับนโยบายรัฐบาล เตรียมพร้อมเปิด โรงพยาบาลสนามชั่วคราว เพื่อดูแลรักษาข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไป ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วย พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ แพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ และนายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรคเดินทางมาตรวจสอบและรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานของโรงพยาบาลสนามชั่วคราว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหารือเตรียมความพร้อมในการใช้ โรงพยายาลสนามชั่วคราว เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาลในการดูแลรักษาข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้โรงพยาบาลสนามชั่วคราว สตม.ได้เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 64 เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสถานกักกันคนต่างด้าวโดยความร่วมมือของ กรมควบคุมโรค, กระทวงสาธารณสุข , โรงพยาบาลตำรวจ และกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ต้องกักที่มีผลการตรวจไวรัสโควิด-19 จำนวน 400 รายรักษาตัวในห้องกักบางเขนจำนวน 200 ราย ชั่วคราว สตม. จำนวน 200 ราย
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 9 เมษายน 64 กรมควบคุมโรค ได้ตรวจสอบและคัดกรองผู้ต้องกักจำนวน 200 ราย จาก โรงพยาบาลสนามชั่วคราว สตม.ผลการตรวจไม่พบเชื้อไวรัสโครวิด-19 และมีภูมิต้านทานแล้ว จำนวน 82 ราย ได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายและผลักดันส่งกลับแล้ว คงเหลือผู้ต้องกักที่มีผลการตรวจไวรัสโควิด-19 เป็นบวก จำนวน 318 ราย และมีกลุ่มผู้ใกล้ชิดสัมผัสที่ต้องเฝ้าระวังเหลืออยู่จำนวน 154 ราย รวมทั้งสิ้น 472 ราย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ค.64 กรมควบคุมโรคได้ตรวจสอบคัดกรองผู้ต้องกัก จำนวน 472 ราย พบว่า 454 ราย ไม่พบเชื้อไวรัสโควิด- 19 และมีภูมิต้านทานจึงได้คำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ต้องกักออกจาก โรงพยาบาลสนามชั่วคราว สตม. ทั้งหมดแล้ว จะได้ดำเนินการผลักดันส่งกลับต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากทำการเคลื่อนย้ายผู้ต้องกักที่รักษาหายแล้วออกจาก โรงพยาบาลสนามฯ จะมีการทำความสะอาดฉีดพ่นฆ่าเชื้อในบริเวณพื้นที่ โรงพยาบาลสนามชั่วคราว สตม. และกำจัดขยะติดเชื้อ คาดว่าในวันพุธที่ 5 พฤษภาคม 64 โรงพยาบาลสนามชั่วคราว สตม. จะพร้อมเปิดทำการเพื่อรองรับข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาทำการรักษาตามนโยบายรัฐบาลต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
