Home
|
อาชญากรรม

ตร.แถลงม็อบแรงคุมเหตุยึดกม.จนท.เจ็บ50-ล่ามือบึ้ม

Featured Image
ตำรวจขอมือนักสืบโซเชียล ตามล่ามือปาระเบิดใน ม็อบ20มีนา ทำ จนท. เจ็บกว่า 50 นาย ขณะจับผู้ชุมนุมผิดกฎหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 20 คน

พลตำรวจตรี ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงชี้ แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มรีเด็ม (REDEM) เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา (ม็อบ20มีนา)

 

 

(click ดูวีดีโอ)ตำรวจแถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์การชุมนุม20มี.ค.64

 

โดยโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวย้ำว่า การชุมนุมในขณะนี้ ยังอยู่ในการประกาศ ตามพระราชกำหนดฉุกเฉิน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในที่สาธารณะ และการใช้เครื่องกีดขวาง เนื่องจากป้องกันความเสียหายต่อสถานที่สำคัญ ส่วนการปฏิบัติของตำรวจเป็น การใช้ยุทธวิธีตามหลัก สากล โดยทุกขั้นตอนมีการประกาศแจ้งเตือนทุกระยะ ซึ่งตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อยับยั้งไว้ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผู้ชุมนุมและสถานที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่

 

 

ขณะที่ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สรุปภาพรวมเหตุการณ์การชุมนุม ว่า

การชุมนุม เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 17.00 น. เริ่มมีกลุ่มผู้ชุมนุม ชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวง และบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ต่อมาเวลา 17.35 นาที ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ประกาศแจ้งเตือนกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า การชุมนุมเข้าข่ายความผิดกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่ตำรวจออกนอกพื้นที่

เวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มรื้อถอนแนวกีดขวาง และร่วมกันเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ซึ่ง อีกทั้งได้มีการขว้างปาก้อนหิน ลูกแก้วและลูกเหล็ก รวมทั้งประทัดยักษ์โยนเข้าใส่กลุ่มตำรวจ เพื่อพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม

ซึ่งตำรวจเห็นว่า มีความสุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดเพลิงไหม้ในสถานที่สำคัญ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีฉีดน้ำแรงดันสูง และผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้พ้นจากสนามหลวง

กระทั่งเวลา 20. 50 นาที ตำรวจสามารถรักษาพื้นที่ท้องสนามหลวงไว้ได้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมกระจายตัว ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกที่บริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และกลุ่มที่ 2 บริเวณแยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ม็อบ20มีนา -7

 

จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ตำรวจพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมได้ผู้กระทำผิดในลักษณะเผาทำลายทรัพย์สิน ในหลายจุดเช่น และทุบรถยนต์ของตำรวจเสียหายหลายคัน

จนกระทั่งเวลา 00.20 น. ตำรวจสามารถควบคุมเหตุการณ์ไว้ได้ โดยจับกุมผู้กระทำผิดได้ 20 คน ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมโดยผิดกฎหมาย ความผิดตามพระราชกำหนดฉุกเฉินฯ และความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมโรค

รวมทั้ง ข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองโดยใช้อาวุธ และกำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามา ตรา 215 วรรค 1 และ วรรค 2 และความผิดฐานต่อสู้ ขัดขวางและทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 และมาตรา 140 ขณะที่ บางรายเข้าข่ายความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ซึ่งนอกจาก จับกุมผู้กระทำผิดได้ 20 คน ทางรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ขอฝากประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ที่พบเห็นบุคคลต้องสงสัย ตามภาพในการชุมนุมเมื่อวานนี้ ลักษณะเป็นชาย สวมเสื้อลายสก็อต ที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นผู้ขว้างปาวัตถุคล้ายระเบิดใส่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ โดยผู้ที่พบเห็นสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ และสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม

 

 

 

ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ชุมนุมวันที่ 20 มี.ค ที่ผ่านมา มีตำรวจได้รับบาดเจ็บกว่า 50 นาย ในจำนวนนี้มี 11 นาย ที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยได้รับอันตรายจากการโดนก้อนหิน และสะเก็ดประทัดยักษ์ตามร่างกาย

 

 

ม็อบ20มีนา - องค์กรสื่อ

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ออกแถลงการณ์ร่วมเรื่อง การปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึง สื่อมวลชน ในการชุมนุมม็อบ 20 มีนา

แถลงการณ์ร่วมองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน เรื่อง การปะทะ ระหว่างเจ้าหน้าที่ และกลุ่มผู้ชุมนุม จนทุกฝ่ายได้รับบาดเจ็บทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้ชุมนุม และสื่อมวลชนที่รายงานข่าว

จากกรณีที่มีการชุมนุม ของกลุ่ม REDEM ที่บริเวณท้องสนามหลวงเมื่อวันเสาร์ ที่ 20 มีนาคม 2564 และมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนนำไปสู่การสลายการชุมนุมโดยการฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา และใช้กระสุนยาง จนเป็นเหตุให้มีนักข่าวและช่างภาพ ที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวการชุมนุม ได้รับบาดเจ็บหลายรายตามที่ทราบแล้วนั้น

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน อันประกอบด้วย สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว

โดยขอให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้น และไม่เห็นด้วยกับการก่อความรุนแรงในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งมีข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะถึงฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. การชุมนุมของประชาชนกลุ่มต่างๆ หากเป็นการการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากการยั่วยุ อาวุธและการใช้ความรุนแรง ย่อมเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย

2. การปฏิบัติการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจควรดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนโดยก่อนการปฏิบัติการต่างๆ ต้องแจ้งให้ผู้ชุมนุมรวมทั้งสื่อมวลชนได้รับทราบอย่างชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ

3. ผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ชุมนุมต้องปฏิบัติตามแนวปฏิบัติในการรายงานข่าวในสถานการณ์วิกฤตโดยเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียอันอาจเกิดแก่ร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สิน

4. องค์กรสื่อมวลชนต้นสังกัดต้องร่วมประเมินสถานการณ์เพื่อให้การสั่งการต่อผู้สื่อข่าวและช่างภาพในพื้นที่ได้รับความปลอดภัย รวมทั้งสนับสนุนและเน้นย้ำให้บุคคลากรในสังกัดได้รับและใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวอยู่ตลอดเวลา

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอเน้นย้ำว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้สื่อข่าวและช่างภาพในพื้นที่ชุมนุมควรใส่ปลอกแขนแสดงสัญลักษณ์ที่ทางองค์กรวิชาชีพสื่อออกให้ทุกครั้ง แต่ต้องเข้าใจว่า ปลอกแขนดังกล่าวไม่ได้เป็นเครื่องมือในการป้องกันกรณีที่มีการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจากฝ่ายใด โดยผู้ปฏิบัติงานจะต้องประเมินสถานการณ์และปฏิบัติตามแนวทางการรายงานข่าวในสถานการณ์วิกฤตด้วย

 

“สิระ”ถามม็อบ ก่อจราจลหวังอะไร อย่าคิดว่าเท่ เตือนผู้ปกครองอย่าเอาคำว่าอนาคตเด็กมาอ้างตอนประกันตัว

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พลังประชารัฐ กล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม redem เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ขอถามว่า ต้องการอะไร กระหายเงิน กระหายศพ หรือแค่ร่างกายอยากปะทะ หาคำตอบให้กับตัวเองก่อน ค่อยออกมาเรียกร้องจากสังคม แต่ตนเชื่อว่าพฤติกรรม ที่แสดงออกมา คิดว่าจะได้ดูเป็นฮีโร่ กล้า บ้าบิ่น อยากมีภาพปรากฎในสื่อโซเชียล ให้คนยกย่อง ขอให้ผู้ปกครองจดจำภาพวันนี้ไว้ จำสิ่งที่ลูกหลานได้กระทำลงไป แล้วนำมาไตร่ตรอง เวลาเดินคอตก น้ำตาแตก เข้าคุก อย่าได้ออกมาสรรหาเหตุผลเพื่อขอประกันตัว เอาคำว่าอนาคตของเด็กมาอ้าง ปิดหูปิดตาบอกลูกฉันเป็นคนดี ทั้ง ๆ ที่อนาคตมันหมดไปตั้งแต่คิดลงมือกระทำผิดกฎหมายแบบชั่ว ๆ แล้ว

นายสิระ กล่าวว่า ตนไม่อยากเรียกกลุ่มคนกลุ่มนี้ว่าม็อบ เพราะเป็นเพียงแค่คนป่วนเมืองไม่กี่คน ที่ไม่ได้มีแม้กระทั่งอุดมการณ์ด้วยซ้ำไป เหมือนกับว่าเหงาไม่มีที่ยืนในสังคม จึงคิดว่าออกมาแล้วจะมีคนยกย่อง ตนขอฝากไปบอกด้วยว่า อย่าคิดว่าเท่ ชาวบ้านที่เขาอาศัยอยู่แถวนั้นเดือดร้อนไม่ได้หลับได้นอน ตำรวจต้องมาบาดเจ็บ สุดท้ายบรรดากองเชียร์ มาปลุกปั่นว่าตำรวจทำร้ายประชาชน แต่ไม่ได้ลืมหูลืมตาดูชาวแก๊งค์ เลยว่า มาชุมนุมพกอาวุธอะไรมาบ้าง มีทั้งปืน มีทั้งระเบิด นี่ยังเรียกว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบอีกหรือ

“ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย การชุมนุมเรียกร้องตามสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่พฤติกรรมก่อจราจลแบบนี้ไม่มีใครเขารับได้ คุณทำร้ายร่างกายตำรวจ เสมือนเขาเป็นศัตรูที่ต้องฆ่าทิ้ง ทั้งๆ ที่พวกเขามาทำตามหน้าที่ มีลูกเมียรออยู่ที่บ้าน ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งเลย เคยคิดถึงความเป็นมนุษย์ด้วยกันหรือไม่

ถ้าเรื่องแค่นี้ยังแยกแยะไม่ได้ อย่ามาอ้างถึงประชาธิปไตยเลย พวกคุณก็แค่เดินให้เขาจูงจมูก ผมพูดจริง ๆนะ อย่าเรียกตัวเองว่าคนไทยเลย เพราะคนไทยจะไม่ลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง ไม่ทำลายประเทศให้ย่อยยับ เช่นนี้”

 

 

เพื่อไทยประณามนายกฯ สั่งตำรวจปราบม็อบเกินกว่าเหตุ ดำเนินคดีกับเด็กและเยาวชนจำนวน 7 คน

นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์การสลายการชุมนุมช่วงค่ำของวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา พฤติการณ์ที่ปรากฏจากคลิปที่หลายฝ่ายได้นำมาแสดง นอกจากการใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง การฉีดน้ำ ยังเห็นได้ชัดเจนว่ามีการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐจึงมิใช่การปฏิบัติหน้าที่ตามสมควรของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุและผิดกฎหมาย พรรคเพื่อไทยขอประณามนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ผู้กำกับสั่งการที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

น.ส.อรณี ระบุอีกว่า การดำเนินคดีกับเด็กและเยาวชนจำนวน 7 คนนั้น ซึ่งบางคนมีอายุเพียง 14 ปี อยากให้รัฐตระหนักและขอเรียกร้องให้มีการคุ้มครองสิทธิในการแสดงออกของเด็กและเยาวชน ใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 และ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ว่าไว้ 4 เรื่องคือ การห้ามเลือกปฏิบัติต่อเด็กและการให้ความสำคัญแก่เด็กทุกคนเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่าง, การกระทำหรือการดำเนินการทั้งหลายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นอันดับแรก, สิทธิในการมีชีวิต การอยู่รอด และการพัฒนาทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม และสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็ก และการให้ความสำคัญกับความคิดเหล่านั้น

ทั้งนี้ นางสาวอรุณี กล่าวต่ออีกว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว พรรคเพื่อไทยได้หารือกับประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ให้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน องค์กรระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเด็ก เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยเร็วที่สุด

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube