fbpx
Home
|
อาชญากรรม

แจ้งความออนไลน์ thaipoliceonline.com เท่านั้น

Featured Image
ตำรวจไซเบอร์ เตือนแจ้งความออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ thaipoliceonline.com เท่านั้น ไม่มีนโยบายในการติดตามทรัพย์สินกลับคืนโดยการเจาะระบบเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย

 

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุ 14 ปี ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินซื้อคูปองเกมออนไลน์แล้ว หลังจากนั้นจึงไปแจ้งความผ่านเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ที่มิจฉาชีพปลอมขึ้นมา แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง หลอกลวงให้โอนเงินเป็นค่าเจาะระบบเว็บไซต์พนันออนไลน์ เพื่อนำเงินที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวงไปกลับคืนมา นั้น

 

 

ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้แจ้งเตือนประชาสัมพันธ์การหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซต์ปลอม และเพจเฟซบุ๊กปลอมของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โดยเมื่อผู้เสียหายใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งความออนไลน์ เป็นคีย์เวิร์ด (Keyword) หรือคำค้นหาในการสืบค้นข้อมูลผ่านเว็บไซต์ค้นหา (Search Engine Site) ยอดนิยมต่างๆ เช่น Google.com, Bing.com เป็นต้น จะทำให้พบเว็บไซต์การรับแจ้งความออนไลน์ของมิจฉาชีพโฆษณาปรากฏขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆ

 

 

เมื่อหลงเชื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ปลอมดังกล่าวแล้ว มิจฉาชีพจะให้เพิ่มเพื่อนหรือแอดไลน์ไปยังบัญชีไลน์ซึ่งแอบอ้างเป็นที่ปรึกษากฎหมาย หรือทนายความปลอม จากนั้นจะถูกสอบถามข้อมูลต่างๆ เริ่มตั้งแต่ขอทราบข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดการถูกฉ้อโกงหรือหลอกลวง มูลค่าความเสียหาย และขอเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

 

 

เช่น ชื่อเว็บไซต์หรือชื่อแพลตฟอร์ม หลักฐานการโอนเงิน ประวัติการสนทนากับมิจฉาชีพ เป็นต้น รวมถึงมีการทำหนังสือมอบอำนาจปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยให้ทนายปลอมดังกล่าวเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการทางคดีที่เกี่ยวข้องแทนผู้เสียหาย มีค่าดำเนินการ 10% จากมูลค่าความเสียหายทั้งหมด

 

 

ต่อมาทนายความปลอมจะให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายไอทีปลอม ซึ่งอ้างว่าสามารถติดตามกู้คืนทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปกลับคืนมาได้ โดยแจ้งผู้เสียหายว่าจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าเงินของผู้เสียหายถูกนำไปฟอกเงินผ่านเว็บไซต์พนันออนไลน์ต่างประเทศ แต่ทีมไอทีสามารถทำการกู้ความเสียหายและนำเงินคืนกลับมาได้ โดยวิธีการโจมตี หรือเจาะระบบแพลตฟอร์มดังกล่าวทำให้ข้อมูลผันผวน

 

 

ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีปลอมจะอธิบายให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอน เริ่มจากการเข้าไปสมัครสมาชิกเว็บไซต์พนัน ผูกบัญชีธนาคาร และเติมเงินเข้าไปในบัญชี โดยมิจฉาชีพจะให้ผู้เสียหายเล่นพนันในเวลาที่เจ้าหน้าที่โจมตีระบบ เพื่อทำให้เล่นการพนันชนะได้ทรัพย์สินกลับคืนมา

 

 

นอกจากนี้แล้วผู้เสียหายยังถูกชวนให้เข้ากลุ่มผู้เสียหายหน้าม้าอีกซึ่งมีประมาณ 5-10 คน ทำหน้าที่สนทนาโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ไอทีปลอม มีการพูดหรือแสดงในลักษณะว่าได้รับเงินคืนจริง เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเติมลงไปในเว็บไซต์พนันดังกล่าว เริ่มแรกเมื่อเดิมพนันชนะจะได้จะเงินคืนและสามารถถอนออกมาได้จริง

 

 

แต่เมื่อมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินไปเดิมพันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทำให้ต่อมาผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้ เจ้าหน้าที่ไอทีปลอมจะอ้างเหตุผลต่างๆ ที่ไม่สามารถถอนเงินได้ เนื่องจากเป็นความผิดของเว็บไซต์พนันออนไลน์ หรือถูกเว็บไซต์พนันนั้นหลอกลวง

 

 

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการใช้งาน หรือเข้าถึงบริการต่างๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ ควรตรวจสอบช่องทางเหล่านั้นให้ดีเสียก่อนว่าเป็นของหน่วยงานนั้นจริงหรือไม่ ระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางคดี นอกจากมิจฉาชีพอาจจะใช้โอกาสหลอกเอาข้อมูลไปเเสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างแล้ว

 

 

ยังอาจถูกหลอกลวงให้โอนเงินในลักษณะดังกล่าวอีกด้วย รวมถึงไม่หลงเชื่อเพียงเพราะมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงาน แอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือมีการยิงโฆษณา หรือมีชื่อเพจ หรือเว็บไซต์ที่ตั้งชื่อคล้ายกับของหน่วยงานนั้นจริงเท่านั้น

 

 

จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการป้องกันเข้าสู่เว็บไซต์ปลอม ดังนี้

1.หากท่านต้องการจะเข้าเว็บไซต์ใดให้พิมพ์ หรือกรอกชื่อเว็บไซต์ด้วยตนเอง ป้องกันการเข้าสู่เว็บไซต์ปลอม

2.ประชาชนที่ได้รับความเสียหายในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่ https://thaipoliceonline.com เท่านั้น โดยสามารถโทรสอบถามได้ที่ สายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1441 หรือ 081-866-3000 ไม่มีช่องทางไลน์ทางการ มีเพียงแชทบอท @police1441 ไว้ปรึกษาคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งคอยให้บริการตอบคำถามประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง

3.ระมัดระวังการสืบค้นข้อมูลผ่านเว็บไซต์ค้นหาต่างๆ (Search Engine Site) มิจฉาชีพอาจจะสร้างเว็บไซต์ปลอมขึ้นมา แล้วทำการยิงโฆษณาเพื่อให้ผู้เสียหายพบเป็นอันดับแรกๆ

4.บช.สอท. และหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีนโยบายให้ประชาชนติดต่อกับที่ปรึกษากฎหมาย หรือทนายความ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี เพื่อทำการติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกลวงไปกลับคืนได้แต่อย่างใด

5.ขั้นตอนการแจ้งความออนไลน์ ผู้เสียหายจะต้องลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมลเสียก่อน จากนั้นเข้าไปกรอกรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นจะได้รับเลขรับแจ้งความออนไลน์ หรือ Case ID ไว้ใช้ในการติดตามความคืบหน้าทางคดี สอบถาม หรือแจ้งปัญหาได้ตลอดเวลา ไม่มีการให้เพิ่มเพื่อนหรือแอดไลน์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

6.เว็บไซต์ปลอมมีองค์ประกอบของเว็บไซต์น้อยกว่าเว็บไซต์จริง และเว็บไซต์ปลอมจะไม่สามารถเข้าคลิกเข้าไปสู่ฟังก์ชัน หรือคลิกเข้าไปสู่หน้าอื่นๆ ของเว็บไซต์ได้ ในกรณีเช่นนี้หวังเพียงให้แอดไลน์เพิ่มเพื่อนเท่านั้น

7.ไม่กรอก หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางคดี ผ่านสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก โดยเด็ดขาด

8.หากพบ หรือไม่แน่ใจว่าเป็นเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ ให้ติดต่อไปยังหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง ผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ของหน่วยงานนั้น เพื่อสอบถามและแจ้งให้ทำการตรวจสอบทันที

9.หากมีการให้โอนเงินไปยังหน่วยงานที่ถูกแอบอ้างก่อนที่จะได้รับบริการใดๆ ให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน

10.ผู้ปกครองหมั่นสอดส่อง ดูแล สังเกตพฤติกรรมบุตรหลานอย่างใกล้ชิด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube