Home
|
ไลฟ์สไตล์

ยาคุมฉุกเฉินอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผล

Featured Image

          การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่คาดคิดหรือไม่ทันได้เตรียมตัว อาจทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ได้ใช้การคุมกำเนิด หรือมีปัญหากับวิธีคุมกำเนิดที่ใช้ อาทิ ถุงยางอนามัยฉีก ขาด หรือการลืมทานยาคุมกำเนิด ดังนั้น ยาคุมฉุกเฉิน จึงเป็นทางเลือกที่หลายคนหันมาใช้ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้หากใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบไม่ถูกต้องก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้น การทราบวิธีกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

 

รู้จักกับยาคุมฉุกเฉิน

          ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency Contraceptive Pill) คือ ยาที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนสูงกว่ายาคุมกำเนิดแบบทั่วไป ซึ่งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น ถุงยางอนามัยรั่ว หรือการลืมทานยาคุมกำเนิด โดยจะมีตัวยาสำคัญ คือ ลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ซึ่งทำงานโดยยับยั้งการตกไข่และลดโอกาสที่ไข่จะฝังตัวในมดลูก

 

ประเภทของยาคุมฉุกเฉิน

  1. ชนิด 1.5 มิลลิกรัม (1 เม็ด)
  2. ชนิด 0.75 มิลลิกรัม (2 เม็ด) ต้องทานเม็ดแรกทันทีใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และเม็ดที่สองในอีก 12 ชั่วโมงถัดไป

 

วิธีการใช้ยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง

          การกินยาคุมฉุกเฉินให้ได้ผลสูงสุด ควรกินยาภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรือกรณีที่คุมกำเนิดล้มเหลว

  • ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีเพศสัมพันธ์ตอน 2 ทุ่ม วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ที่ถูกต้อง คือ ต้องกินยาให้เร็วที่สุดไม่เกิน 5 ทุ่ม 
  • ข้อควรระวัง : ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด มีตัวยามากกว่าแบบ 2 เม็ด ดังนั้นอาจมีผลข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ ปวดท้อง หรือประจำเดือนมาไม่ตรงเวลา แต่ถ้าใช้ตามวิธีที่ถูกต้อง จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

 

ความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อย

          หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งอาจเกิดจากความกังวลเกินไป เช่น

  • กินยาทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์หรือกินหลายเม็ดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด แต่นั่นเป็นเรื่องที่ผิด
  • เก็บยาไว้ใช้ในครั้งถัดไป

          วิธีการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้ผล แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือปัญหาการทำงานของระบบสืบพันธุ์

 

ข้อควรระวัง

  1. ห้ามใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยเหมือนยาคุมกำเนิดแบบปกติ
  2. ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
  3. หากทานยาแล้วอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง ควรกินยาใหม่

 

คำถามที่พบบ่อย

  • ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดป้องกันการตั้งครรภ์ได้กี่เปอร์เซ็นต์?

หากกินภายใน 24 ชั่วโมง ประสิทธิภาพอยู่ที่ 85% แต่หากเกิน 24 ชั่วโมงจะลดลงเหลือ 75%

  • ใช้ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดแล้วจะท้องไหม?

หากกินถูกวิธีภายใน 72 ชั่วโมง โอกาสตั้งครรภ์จะต่ำมาก แต่ประจำเดือนอาจมาช้าหรือเร็วขึ้นเล็กน้อย

  • ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินหลัง 72 ชั่วโมงจะได้ผลไหม?

ประสิทธิภาพจะลดลงมาก และยาจะหมดฤทธิ์หากเกิน 120 ชั่วโมง (5 วัน)

 

          คำแนะนำ : สมมุติว่า หากคุณพลาดการกินยาคุมกำเนิดตามปกติ หรือถุงยางอนามัยเกิดรั่วในช่วงเวลาสำคัญ คงจะรู้สึกกังวลไม่น้อยว่าสถานการณ์นี้จะส่งผลอะไรกับการตั้งครรภ์หรือไม่ การเลือกใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกต้องตามวิธีที่แนะนำจะช่วยลดความกังวลนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          การใช้ยาคุมฉุกเฉินในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ แต่ไม่ควรใช้บ่อยเกินไป เพราะมันไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ และการใช้ยาผิดวิธีอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นการใช้ยาคุมฉุกเฉินควรเป็นทางเลือกสุดท้ายหลังจากการใช้วิธีคุมกำเนิดที่ปลอดภัยแล้ว

          สรุป : ยาคุมฉุกเฉินมีไว้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น การใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกต้องตามวิธีที่แนะนำจะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด อย่าลืมศึกษาวิธีการใช้ยาคุมฉุกเฉินให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาไม่ถูกวิธี

          หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับสุขภาพของคุณ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

thaihealth

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube