Home
|
การเงิน

ซื้อบ้านมือสองต้องรู้อะไรบ้าง ขอสินเชื่ออย่างไรให้ผ่านง่าย

Featured Image

การมีบ้านเป็นของตัวเองยังคงเป็นความฝันของใครหลายคน แต่ด้วยราคาบ้านใหม่ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ “บ้านมือสอง” กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น เพราะมักจะอยู่ในทำเลที่ดีและมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม การซื้อบ้านมือสองมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณามากกว่าบ้านใหม่ ทั้งในเรื่องการตรวจสอบสภาพบ้าน เอกสารต่างๆ และขั้นตอนการขอสินเชื่อบ้านที่ต้อง
เตรียมตัวให้พร้อม บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมือสอง

 ทำไมบ้านมือสองถึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ?

บ้านมือสองกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย ด้วยจุดเด่นหลักคือ “ราคา” ที่มักจะต่ำกว่าบ้านใหม่ในทำเลเดียวกัน ทำให้สามารถเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ บ้านมือสองส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ในทำเลชุมชนที่พัฒนาแล้ว ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สถานศึกษา และระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถเห็นสภาพแวดล้อมและเพื่อนบ้านจริงๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ ช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาที่อาจคาดไม่ถึงได้เป็นอย่างดี

 เช็กลิสต์สำคัญก่อนซื้อบ้านมือสอง ที่คุณห้ามพลาด!

การตัดสินใจซื้อบ้านมือสองจำเป็นต้องอาศัยความรอบคอบและการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้บ้านที่คุ้มค่าและไม่มีปัญหาจุกจิกตามมาในภายหลัง ดังนั้นก่อนจะวางเงินมัดจำ ควรตรวจสอบเช็กลิสต์สำคัญต่างๆ ให้ครบถ้วน

 ตรวจสอบสภาพบ้านและทำเลที่ตั้ง

สิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญคือการตรวจสอบสภาพบ้านอย่างละเอียด ตั้งแต่โครงสร้างหลัก เช่น เสา คาน ผนัง ว่ามีรอยร้าวหรือการทรุดตัวหรือไม่ ระบบไฟฟ้าและระบบประปาภายในบ้านยังใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่า รวมถึงปัญหารั่วซึมตามฝ้าเพดานและหลังคา ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในบ้านเก่า นอกจากนี้ ควรพิจารณาทำเลที่ตั้งและสภาพแวดล้อมโดยรอบ เช่น ความปลอดภัย การเดินทาง ความใกล้ไกลจากสถานที่ทำงาน และความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วม เพื่อให้การอยู่อาศัยในระยะยาวเป็นไปอย่างราบรื่น

 เช็กเอกสารสิทธิ์ให้ชัวร์ ป้องกันปัญหาภายหลัง

การตรวจสอบเอกสารสิทธิ์เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันปัญหาการถูกฉ้อโกงหรือข้อพิพาททางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต จึงควรตรวจสอบโฉนดที่ดินกับสำนักงานที่ดินอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเอกสารฉบับจริง

  • ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ ตรวจสอบว่าชื่อ-นามสกุลในโฉนดที่ดินตรงกับผู้ขายหรือไม่ หากไม่ตรงต้องสอบถามถึงความสัมพันธ์และเอกสารมอบอำนาจที่ถูกต้อง
  • สถานะโฉนด เช็กว่าโฉนดที่ดินติดภาระผูกพัน เช่น จำนองกับสถาบันการเงิน หรือถูกอายัดหรือไม่
  • ขนาดและที่ตั้ง ตรวจสอบข้อมูลในโฉนดว่าตรงกับขนาดและที่ตั้งของบ้านที่ไปดูมาจริงหรือไม่
  • ตราครุฑ โฉนดที่ดินที่สามารถซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายจะต้องเป็นโฉนดครุฑแดง (น.ส.4) เท่านั้น

 เปิดงบประมาณ! ค่าใช้จ่ายแฝงในการซื้อบ้านมือสอง

นอกเหนือจากราคาบ้านแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ผู้ซื้อต้องเตรียมให้พร้อม เพื่อให้กระบวนการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปอย่างราบรื่น การวางแผนงบประมาณล่วงหน้าจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ชัดเจนขึ้น

  • ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับให้บริษัทประเมินราคาทรัพย์สินที่ธนาคารกำหนด
  • ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ โดยทั่วไปจะคิดเป็น 2% ของราคาประเมิน ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายอาจตกลงกันจ่ายคนละครึ่ง
  • ค่าจดจำนอง กรณียื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร จะมีค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้  แต่บางธนาคารจะมีโปรโมชันออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้
  • ค่าอากรแสตมป์ คิดเป็น 0.5% ของราคาซื้อขาย หรือ ราคาประเมิน (อย่างใดอย่างหนึ่งที่สูงกว่า)
  • ค่าซ่อมแซมและตกแต่ง ควรเตรียมงบประมาณสำหรับปรับปรุงซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของบ้านให้อยู่ในสภาพพร้อมเข้าอยู่
  • ค่าส่วนกลาง (กรณีเป็นคอนโดหรือบ้านในโครงการ) ต้องตรวจสอบว่ามีค่าส่วนกลางค้างชำระหรือไม่

 เปิดคู่มือ 4 ขั้นตอนขอสินเชื่อบ้านมือสองให้ผ่านฉลุย

การเตรียมความพร้อมด้านการเงินและเอกสารที่ดี เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การขอสินเชื่อบ้านมือสองได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วขั้นตอนการขอสินเชื่อบ้านมือสองไม่ได้แตกต่างจากบ้านใหม่มากนัก

 Step 1: ประเมินความพร้อมทางการเงินและเครดิตบูโร

ขั้นตอนแรกคือการสำรวจสุขภาพทางการเงินของตนเอง โดยประเมินรายได้ ภาระหนี้สิน และเงินออม เพื่อคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระในแต่ละเดือน นอกจากนี้ การตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร (Credit Bureau) ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะธนาคารจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ หากมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยผิดนัดชำระ ก็จะเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น

 Step 2: จัดเตรียมเอกสารขอสินเชื่อให้ครบถ้วน

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการพิจารณาสินเชื่อรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเอกสารที่ต้องเตรียมโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ เอกสารส่วนบุคคล (สำเนาบัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน), เอกสารแสดงรายได้ (สลิปเงินเดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน, รายการเดินบัญชีย้อนหลัง) และเอกสารเกี่ยวกับหลักประกัน (สำเนาโฉนดที่ดิน, สัญญาจะซื้อจะขาย)

 Step 3: เลือกธนาคารและยื่นขอสินเชื่อ

ปัจจุบันมีสถาบันการเงินหลายแห่งที่ให้บริการสินเชื่อบ้านมือสอง ควรใช้เวลาศึกษาและเปรียบเทียบข้อเสนอจากแต่ละธนาคาร ทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย วงเงินกู้สูงสุด ระยะเวลาผ่อนชำระ และโปรโมชันต่างๆ เพื่อเลือกข้อเสนอที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับความสามารถทางการเงินของตนเองมากที่สุด จากนั้นจึงยื่นเอกสารขอสินเชื่อกับธนาคารที่เลือก

 Step 4: รอฟังผลอนุมัติและนัดวันทำสัญญา

หลังจากยื่นเอกสารครบถ้วนแล้ว ธนาคารจะใช้เวลาในการพิจารณาคุณสมบัติและประเมินราคาหลักประกัน ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบันการเงิน โดยทั่วไปจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์ เมื่อสินเชื่อได้รับการอนุมัติ ธนาคารจะติดต่อกลับเพื่อแจ้งผลและนัดหมายวันทำสัญญากู้ยืมเงิน (สัญญาจำนอง) และนัดวันโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดินต่อไป

 สรุปบทความ

การซื้อบ้านมือสองเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการมีบ้านในทำเลที่ดีและราคาที่เหมาะสม แต่จำเป็นต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบสภาพบ้าน เอกสารสิทธิ์ และการเตรียมความพร้อมด้านการเงินให้ดี เพื่อให้การขอสินเชื่อเป็นไปอย่างราบรื่นและได้บ้านในฝันมาครอบครองโดยไม่มีปัญหาตามมา

สำหรับใครที่กำลังวางแผนซื้อบ้านมือสอง ทีทีบีมีบริการสินเชื่อบ้านที่พร้อมสนับสนุนให้คุณเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย

  • วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน
  • ผ่อนชำระนานสูงสุด 35 ปี ช่วยลดภาระค่างวดในแต่ละเดือน
  • ฟรี! ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ตลอดอายุสัญญากู้
  • ฟรี! ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและเงื่อนไขการสมัคร สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรือกรอกข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับได้ที่เว็บไซต์ทีทีบี เพื่อรับคำปรึกษาและวางแผนการเงินให้คุณเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้สำเร็จ

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว : สินเชื่อบ้านบ้านมือสอง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 5% – 7% ต่อปี • สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR-1.130% ถึง MRR-0.530% ต่อปี • โดยอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 15 ส.ค. 68 = 7.305% ต่อปี • อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ • เงื่อนไขการสมัครและอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกําหนด • รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.ttbbank.com

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube