เจาะลึก “อัตราดอกเบี้ยบ้าน 2568” ทำความเข้าใจก่อนซื้อบ้านต้องรู้
อัตราดอกเบี้ยบ้านก็คือ “ค่าเช่าเงิน” ที่เราต้องจ่ายให้ธนาคารนั่นแหละ เวลาเราจะซื้อบ้าน แต่เงินไม่พอ เราก็ไปขอยืมเงินจากธนาคารมาซื้อบ้านใช่ไหม ธนาคารเขาก็ให้เรายืมได้ แต่เขาก็ต้องมีค่าตอบแทนจากการให้ยืมเงินเราไป ดอกเบี้ยนี่แหละคือค่าตอบแทนนั้น แล้วทำไมต้องมี ก็เพราะธนาคารเขาไม่ได้พิมพ์เงินออกมาเอง จริงๆแล้วเงินจากคนที่มาฝากเงินกับธนาคารเพื่อไปปล่อยกู้ แล้วก็แบ่งกำไรส่วนหนึ่งให้กับคนฝากเงิน และอีกส่วนหนึ่งก็คือรายได้ของธนาคารเอง การมีดอกเบี้ยนี่แหละที่ทำให้ระบบการเงินมันหมุนไปได้นั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยมีผลกับชีวิตเรายังไง
แน่นอนว่าอัตราดอกเบี้ยบ้านเนี่ย มันไม่ได้นิ่งอยู่กับที่มันมีการขึ้นๆลงๆได้ตลอดเวลาแต่ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ นโยบายของธนาคารกลาง, ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม, เงินเฟ้อ, หรือแม้กระทั่งสถานการณ์โลกต่างๆ
- ถ้าดอกเบี้ยขึ้นต้องบอกเลยว่าอันนี้คนผ่อนบ้านมีหนาว เพราะยอดผ่อนต่อเดือนจะสูงขึ้น สมมติเดิมผ่อนเดือนละ 10,000 บาท ถ้าดอกเบี้ยขึ้น อาจจะต้องจ่ายเป็น 11,000 หรือ 12,000 บาทต่อเดือนได้เลย ทำให้เรามีภาระเพิ่มขึ้น หรือถ้าจะซื้อบ้านใหม่ ก็อาจจะต้องคิดหนักขึ้น เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงขึ้นนั่นเอง
- ถ้าดอกเบี้ยลงแน่นอนว่าอันนี้แหละข่าวดี ยอดผ่อนต่อเดือนก็จะลดลง ทำให้เรามีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้น หรือถ้าจะซื้อบ้านใหม่ ก็จะผ่อนสบายขึ้น
การซื้อบ้านกับอัตราดอกเบี้ยบ้าน 2568 วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

สำหรับใครที่กำลังจะซื้อบ้านในปี 2568 สิ่งที่ต้องคำนึงเลยคือเรื่องดอกเบี้ย
- ช่วงดอกเบี้ยต่ำถือว่าเป็นโอกาสทองเลยเพราะจะได้ดอกเบี้ยถูก ทำให้ยอดผ่อนสบายๆ
- ช่วงดอกเบี้ยสูงจุดนี้บอกเลยว่าต้องคิดให้เยอะขึ้นหน่อยเพราะอาจจะต้องดูว่าไหวไหม หรือรอไปก่อนดี ถ้าไม่รีบร้อน
- โปรโมชั่นดอกเบี้ยแน่นอนว่าหลายธนาคารมักจะมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษในช่วง 1-3 ปีแรก เช่น 0% หรือดอกเบี้ยต่ำมากๆ ตรงนี้แหละที่ต้องอ่านดีๆ ว่าหลังจากหมดช่วงโปรโมชั่นแล้ว ดอกเบี้ยจะลอยตัวไปเท่าไหร่ เพราะตรงนั้นแหละคือของจริงที่คนซื้อต้องเจอไปอีกนาน
มูลค่าของบ้าน และการผ่อนชำระดอกเบี้ยมีผลตรงไหน
แน่นอนว่ามูลค่าบ้านยิ่งสูง ยอดกู้ยิ่งเยอะ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็ยิ่งเยอะตามไปด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ
- บ้านราคา 3 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5% ต่อปี = ดอกเบี้ยปีแรกประมาณ 150,000 บาท
- บ้านราคา 5 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5% ต่อปี = ดอกเบี้ยปีแรกประมาณ 250,000 บาท
จะเห็นว่าตัวเลขดอกเบี้ยมันต่างกันเยอะ ยิ่งบ้านราคาสูงยิ่งต้องคำนึงเรื่องดอกเบี้ยให้ดีมากๆส่วนการผ่อนชำระถ้าดอกเบี้ยสูง ยอดผ่อนก็สูง ถ้าดอกเบี้ยต่ำ ยอดผ่อนก็ต่ำ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ “สัดส่วนของเงินต้นกับดอกเบี้ย” ในแต่ละงวด ช่วงแรกๆ ที่ผ่อนบ้าน ส่วนใหญ่เงินที่จ่ายไปมันจะไปตัดดอกเบี้ยเยอะเลย เงินต้นจะโดนตัดน้อยมากๆกว่าจะไปเน้นตัดเงินต้นก็ต้องผ่อนไปหลายปีแล้ว และส่วนนี้ที่คนมักจะตกใจว่าทำไมผ่อนมานานแล้วยอดหนี้ยังไม่ลดเลย
เทคนิคทำให้ อัตราดอกเบี้ยบ้าน 2568 ต่ำลง

ถึงแม้เราจะควบคุมดอกเบี้ยตลาดไม่ได้ แต่เรามีวิธีทำให้ภาระดอกเบี้ยของผู้ซื้อบ้านน้อยลงได้
- โปะเงินต้นบ่อยๆและนี่คือเคล็ดลับสุดยอด สมมติเราต้องผ่อนเดือนละ 10,000 บาท ถ้าเรามีเงินพิเศษ เช่น โบนัส เราเอาไปโปะเพิ่มจากยอดผ่อนปกติ เช่น โปะเพิ่มไปอีก 5,000 บาท เงิน 5,000 บาทนี้จะไปตัดเงินต้นเต็มๆเลยพอเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยที่คิดจากเงินต้นก็ลดลงตาม ทำให้ระยะเวลาผ่อนสั้นลง และประหยัดดอกเบี้ยไปได้เป็นแสนๆเลยทีเดียว
- รีไฟแนนซ์ แน่นอนว่าถ้าผ่อนไปได้ 3 ปีแล้ว ลองมองหาธนาคารอื่นที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่า การย้ายหนี้ไปธนาคารใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำลง จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยรายเดือน และประหยัดเงินในระยะยาวได้เยอะมาก
- รีเทนชั่น ถ้าไม่อยากย้ายธนาคาร ลองคุยกับธนาคารเดิมที่ผ่อนอยู่ ว่าขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ไหม (Retention) ถ้าประวัติการผ่อนดี ธนาคารอาจจะยอมให้ดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อรักษาไว้เป็นลูกค้า
- เพิ่มเงินดาวน์ ถ้าเป็นไปได้เพราะถ้ามีเงินดาวน์เยอะๆนั่นแปลว่าผู้ซื้อบ้านกู้เงินจากธนาคารน้อยลง พอเงินกู้น้อยลง ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็ย่อมน้อยลงตามไปด้วย
- เลือกธนาคารให้ถูกแน่นอนว่า
- นั้นจะทำอะไรก่อนตัดสินใจกู้ ลองเปรียบเทียบโปรโมชั่นและอัตราดอกเบี้ยจากหลายๆ ธนาคารดู อย่ารีบตัดสินใจ เพราะแต่ละธนาคารมีข้อเสนอที่ไม่เหมือนกัน
แต่ละคนได้อัตราดอกเบี้ยบ้าน 2568 เท่ากันไหม

คำตอบคือ “ไม่เท่ากัน” ถึงแม้ธนาคารจะมีอัตราดอกเบี้ยโปรโมชั่นที่ประกาศออกมา แต่จริงๆ แล้ว แต่ละคนก็จะได้ดอกเบี้ยที่ไม่เหมือนกันโดยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น
- ประวัติทางการเงิน เครดิตบูโรอันนี้สำคัญมากเพราะถ้ามีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยค้างชำระหนี้ ไม่มีปัญหาติดแบล็กลิสต์ ธนาคารก็ยิ่งมั่นใจที่จะปล่อยกู้ให้ในอัตราที่ดีที่สุด
- อาชีพและรายได้โดยทั่วไปแล้วธนาคารจะคำนึงความมั่นคงของรายได้และอาชีพของผู้ซื้อบ้าน ถ้าเป็นพนักงานประจำที่มีรายได้สม่ำเสมอ หรือเจ้าของธุรกิจที่มั่นคง ก็มีโอกาสได้ดอกเบี้ยที่ดีกว่า
- วงเงินกู้จุดนี้ก็สำคัญเพราะวงเงินกู้ที่สูงมากๆอาจจะได้ดอกเบี้ยที่ต่างออกไป
- ระยะเวลาผ่อนชำระ อันนี้เรื่องของระยะเวลาผ่อนที่ยาวนานกว่า อาจจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่างกัน
- ความสัมพันธ์กับธนาคารแน่นอนว่าถ้าเราเป็นลูกค้าเก่าที่มีประวัติที่ดีกับธนาคาร อาจจะได้รับข้อเสนอพิเศษ
- โปรโมชั่น ณ ขณะนั้น แต่ละในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ละธนาคารก็จะมีโปรโมชั่นที่แตกต่างกันออกไป ทำให้คนขอสินเชื่อในช่วงเวลาต่างกันอาจได้ดอกเบี้ยไม่เท่ากัน
สรุป
อัตราดอกเบี้ยบ้าน 2568 ก็เหมือนกับค่าเช่าที่จ่ายให้ธนาคารเพื่อยืมเงินมาซื้อบ้าน มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และมีผลกับยอดผ่อนและภาระทางการเงินของเราโดยตรง การทำความเข้าใจเรื่องนี้ และมีเทคนิคในการจัดการ จะช่วยให้ท่านเป็นเจ้าของบ้านได้อย่างสบายใจมากขึ้น ไม่ต้องกลัวเรื่องดอกเบี้ยเพราะท่านมีความรู้และแนวทางการรับมือ แบบบอกเลยว่าวางแผนเรื่องบ้านได้สบายๆสำหรับการซื้อบ้านไม่ว่าจะหลังแรกหรือหลังไหนๆ





