Home
|
การเงิน

รู้จัก 3 ภาษีที่ดินก่อนลงทุนซื้อขาย ลดความเสี่ยงค่าใช้จ่าย

Featured Image

ในยุคที่ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพ หรือต่างจังหวัด การลงทุนที่ดินกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักลงทุนทุกระดับ ตั้งแต่นักลงทุนรายใหญ่ที่มองหาที่ดินขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาโครงการ ไปจนถึงนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการหาโอกาสเก็งกำไรจากการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ผู้ถือครอง และนักลงทุนที่ดินไม่ควรมองข้าม คือเรื่องของภาษีที่ดิน ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายในการถือครอง และผลตอบแทนจากการลงทุน การทำความเข้าใจภาษีที่ดินแต่ละประเภทจะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดในอนาคต

1. ภาษีที่ดินสำหรับทำเกษตรกรรม

ที่ดินสำหรับทำเกษตรกรรมเป็นประเภทที่ดินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีมากที่สุด เนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งเสริมภาคการเกษตรของประเทศ หากเจ้าของที่ดินเป็นบุคคลธรรมดา และที่ดินมีมูลค่าต่ำกว่า 50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษีที่ดินทั้งหมด ส่วนกรณีที่เจ้าของเป็นนิติบุคคล และที่ดินมีมูลค่าไม่เกิน 75 ล้านบาท จะต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.01% เท่านั้น อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นตามมูลค่าที่ดิน โดยมีอัตราสูงสุดไม่เกิน 0.15% ทั้งนี้ ที่ดินต้องใช้ในการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ หรือประมง เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์นี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการพิเศษช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงวิกฤต โดยการลดภาษีที่ดินลง 90% ซึ่งช่วยบรรเทาภาระให้กับเกษตรกรอย่างมีนัยสำคัญ

2. ภาษีที่ดินรกร้าง

ที่ดินรกร้างจัดเป็นประเภทที่มีภาระภาษีสูงที่สุด เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของนำที่ดินมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยมีอัตราภาษีเริ่มต้นที่ 0.3% สำหรับที่ดินที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 0.7% หากมูลค่าเกิน 5,000 ล้านบาท ข้อสำคัญคือ อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นอีก 0.3% ทุก 3 ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน 3% ความแตกต่างระหว่างที่ดินรกร้างกับที่ดินเกษตรกรรมอยู่ที่การใช้ประโยชน์จริง หากนำที่ดินรกร้างมาปลูกพืชผลทางการเกษตรตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เช่น ไม้ดอก ไม้ประดับ ผักผลไม้ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อพื้นที่ ก็สามารถเปลี่ยนสถานะไปเป็นที่ดินเกษตรกรรม และได้รับอัตราภาษีที่ต่ำกว่าได้

 3. ภาษีที่ดินประเภทบ้านที่อยู่อาศัย

ภาษีที่ดินสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยมีการจัดเก็บที่แตกต่างกันตามลักษณะการใช้งาน และการถือครอง โดยแบ่งออกเป็นหลายกรณี ดังนี้

  • บ้านหลังแรกที่เจ้าของอาศัยจริง : หากมีมูลค่า 0-50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนที่มีมูลค่า 50-75 ล้านบาท เสียภาษี 0.03% และสูงสุดไม่เกิน 0.10% สำหรับบ้านที่มีมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป
  • บ้านที่เจ้าของมีชื่อในทะเบียนบ้าน : เช่น คอนโดหรืออาคารชุด หากมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท จะได้รับยกเว้นภาษี แต่หากเกิน 10 ล้านบาท จะมีการคิดภาษีตามมูลค่า โดยสูงสุดไม่เกิน 0.10% สำหรับบ้านที่มีมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป
  • บ้านเพื่อการลงทุนหรือเก็งกำไร : หากมีมากกว่า 1 หลัง จะต้องเสียภาษีเริ่มต้นที่ 0.02% สำหรับมูลค่า 0-10 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นตามมูลค่า โดยสูงสุดไม่เกิน 0.10%

การลงทุนในที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้จบเพียงแค่การซื้อขาย ผู้ที่สนใจศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษี และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการขายที่ดิน รวมถึงภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าธรรมเนียมการโอน สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากบทความ “รู้จักภาษีซื้อขายที่ดิน ภาษีที่ต้องจ่ายเมื่อทำการขายที่ดิน” ซึ่งจะช่วยให้คุณเตรียมความพร้อมทางการเงินสำหรับการขายที่ดินได้อย่างครบถ้วน

การเข้าใจภาษีที่ดินทั้ง 3 ประเภทนี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักลงทุน และเจ้าของที่ดิน เพราะจะช่วยให้สามารถวางแผนการลงทุน และการจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีที่ดินอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ทันท่วงที ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว

ที่มา : Krungsri The COACH

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube