Home
|
บันเทิงไทย

วิธีประคองใจ! เจี๊ยบ กาญจนาพร เปิดใจเข้าหาธรรมะในวันที่สูญเสียคนที่รักที่สุด

Featured Image
วิธีประคองใจ! เจี๊ยบ กาญจนาพร เปิดใจเข้าหาธรรมะในวันที่สูญเสียคนที่รักที่สุด

 

 

เปิดแบบหมดเปลือกทุกช่วงเวลาของชีวิต เจี๊ยบ กาญจนาพร ปลอดภัย เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษ ในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เล่าย้อนในวันที่ต้องอำลาวงการนางแบบเข้าสู่สถานะแม่บ้านอย่างเต็มตัว พร้อมเผยถึงวินาทีที่สูญเสียคนที่รักมากที่สุดในชีวิต และ วิธีประคองใจในวันที่สูญเสียลูกชาย

ถาม แปลว่าในวันที่ตัดสินใจแต่งงานมันเป็นทางเลือกไหมว่าฉันต้องทิ้งอาชีพฉันแล้ว ตอนนั้นฉันเป็นนางแบบอยู่ ??
เจี๊ยบ กาญจนาพร : ต้องทิ้งค่ะ เราต้องเคารพเขาเราต้องแต่ตอบแทนบุญคุณเขาค่ะ คือเขาจะปกป้องเราตอนนั้นเหมือนว่าจะให้ทำงานได้เหมือนเดิม แต่บังเอิญเราก็ไม่ได้ไงคะ เราต้องมีลูกพอมีลูกคนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 อย่าไปทำมันเลยเสีย Shope แล้ว ในความคิดของเราคือรูปร่างใช้ไม่ได้แล้วค่ะ มันคือจบเถอะแต่บังเอิญลูกคนที่ 3 มาเนี่ย ยังมีเรียกให้ไปเดินแบบค่ะ เราก็เลยได้เหรอตอนนั้นท้องยังไม่เรียบเลยนะคะ นั่นเป็นจุดที่ .. เรายังทำได้อยู่ เรายังช่วยเหลือตัวเองพึ่งพาตัวเองได้อยู่แล้วก็มีผู้สนับสนุนช่วย คือพี่ไข่เป็นกำลังแรงสำคัญหลักเลยค่ะ เราก็คิดว่าก็ดีเหมือนกันคือได้ออกมาบ้างสนุกดีนะคะ ได้มีสิทธิส่วนบุคคลบ้าง ซึ่งเดิมเหมือนกับว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ของเรานี่คือมีสิทธิหน้าที่ที่ต้องดูแลบ้านและลูกเท่านั้น แต่ความที่เรายังมีจิตซุกซนอยู่จากอดีตมาอย่างนี้ค่ะ มันยังมีความอยากที่จะช่วยเหลือตัวเอง พึ่งพาตัวเอง และให้พ่อให้แม่ด้วยตัวเอง

ถาม ซึ่งตอนนั้นเองคุณพ่อบ้านจะไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ต้องอยู่ที่บ้าน
เจี๊ยบ กาญจนาพร : ขอเงินทีละจำนวนค่ะ จำนวนที่ต้องดูแลในบ้าน เราก็อึดอัด

ถาม ถ้ามองย้อนกลับไปเราไม่ได้บอกว่าอะไรถูกผิดนะ แต่เราอยากแค่ทำความเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงไม่อยากให้พี่ทำงานด้วย ในเมื่อถ้าสมมติว่าดูแลบ้านก็ได้ ดูแลลูกก็ไม่บกพร่อง
เจี๊ยบ กาญจนาพร : ไม่รู้ไม่สามารถไปแหวกสมองและหัวใจของเขาได้ว่า เขาาคิดอย่างไร แล้วก็ไม่ถามด้วย เงียบค่ะ เป็นคนที่พอมีปัญหาแล้วเงียบ แล้วก็ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไร ที่จะหาทางออกไปบนถนนที่ดีกว่านี้ ครุ่นคิดหลายปีเพราะว่าทางบ้านไม่นิยมให้หย่าร้างค่ะ เพราะว่าการหย่าร้างเป็นเรื่องใหญ่มากๆโดนวิจารณ์อยู่นานมากเป็นปีๆเลยค่ะ ทุกอย่างเลยต้องปักหลักอดทน

ถาม แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยก่อนย้อนไปตรงนั้นเนี่ย อันหนึ่งที่มักจะพูดกันอยู่เสมอคือเราต้องทนเพื่อลูกสิ
เจี๊ยบ กาญจนาพร : เจอค่ะ แต่ความอิสระของความนึกคิดของเรา มันถูกสะสมมาโดยตลอดและก็เชื่อมั่นว่าเราสะสมดี เราไม่ได้มีอะไรที่ไม่ดีอยู่ในสมองหรือความคิดเลย แค่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่คุณก็ยังเป็นพ่อ ลูกยังเป็นลูก นี่คือความคิดในตอนนั้น แต่มันไม่ตรงกันทั้งสองฝ่ายจึงไม่ค่อยสวยงามค่ะ

ถาม หลังจากไปบวชชีพราหมณ์กลับมาอะไรๆดีขึ้นไหม
เจี๊ยบ กาญจนาพร : ก็คือมีสติที่จะอยู่เพื่อที่จะชดใช้ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว ให้ดีที่สุดค่ะ และถ้าตกลง ต่อรอง คุยกันได้ มันก็จะมีทางออกที่ดีมีความแข็งแรงทางด้านความคิดไม่ใช่ตกไปอยู่ในอยู่ที่ตาตุ่มแล้วเหมือนหายไปเลย ความคิดพลังงานสิ่งดีๆปัญญาไม่มีเลยค่ะ มันหายวับไปเลยค่ะ แล้วก็อยู่แต่ว่ามันไม่มีแรงมันมีความหดหู่ มีความท้อถอย เบื่อไม่อยากเผชิญแต่ลูกคือปัจจัยหลักที่เป็นเสาหลักเลยค่ะ

 

ถาม ตอนนั้น พี่เจี๊ยบ คิดว่าเงื่อนไขที่อาจจะคุยก็คือ ขอให้ได้ออกมาทำงานบ้าง ขอให้ได้ใช้ชีวิตอิสระบ้าง แล้วสิ่งที่ร้องขอได้ไหมคะ
เจี๊ยบ กาญจนาพร : ก็ได้แต่ก็จะมีข้อผูกมัดสัญญาอย่างอื่นมา เช่น จะไปถ่ายแบบดิฉันที่ อิตาลี ไม่ได้ต้องไปด้วย หลายงานมากค่ะ ที่อดไม่ได้ยุ่งยากจัง แต่ว่าทางบรรณาธิการทางนิตยสารไม่ให้หรอกค่ะ ในครอบครัวยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย แล้วกับคนอื่นจะคุยรู้เรื่องไหม ไปปรี๊ดกลาง อิตาลี จะอย่างไรคะ จะกลับกันเหรออย่างไรล่ะ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปค่ะ รายงานค่ะที่อยากได้อันนี้อยากได้ก็อดไป

ถาม แสดงว่า ณ ตอนนั้นถ้าพูดว่าตอนที่เราไปบวชกลับมา แล้วก็กลับมาพร้อมกับสติในการคิดว่าเราจะมาลองคุยเจรจาต่อรอง หรือเรากลับมาพร้อมกับการปักธงว่าหย่าไหม
เจี๊ยบ กาญจนาพร : กลับมาเพื่อที่จะแยกอยู่เลยค่ะ ไม่ได้หย่านะคะ คือ แยกอยู่เพราะมีลูกยังไงก็ได้ที่ไม่ต้องอยู่กับคุณ

ถาม ในความที่เราก็ใช้ทั้งความอดทนพยายามทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ที่บ้านเองก็บอกว่าอดทนต่ออีกหน่อย
เจี๊ยบ กาญจนาพร : เพราะที่บ้านไม่ขอบการหย่าร้างค่ะ จนกระทั่งเห็นความทุกข์ของเรามากพอน้องชายตอบปุ๊บ นั่นแหละค่ะ คือ น้องชายก็ทำงานอยู่กับสามีด้วยเพราะฉะนั้นจึงมีบุญคุณ มีความเกรงใจ มีทุกอย่างสารตะคิด พี่สาวด้วยค่ะ เพราะพี่สาวก็ทำงานกับเขาคือมันเป็นงานครอบครัว ที่ถ้าใช้บุคคลที่ไว้ใจได้ มันก็จะไม่กระเซ็นไปไหนสมัยก่อนนะคะ เขาก็จะเห็นทั้งหมดตามที่เราบอก มันก็เลยทำให้น้องชายป่ะ !! กลับบ้าน

ถาม ถือว่าเป็นการปลดล็อคไหม หมายความว่าครอบครัวเห็นด้วยกับเราแล้วตอนนั้น
เจี๊ยบ กาญจนาพร : พร้อมเก็บของเก็บของไม่มีน้ำตาเลยค่ะ ลูกเก็บของเก็บของ ขึ้นรถกลับบ้านเลยค่ะ โล่ง !! ตอนนั้นหนี เก็บของเราก็เอาลูกไปด้วยเลยเราไม่ได้บอกเขาว่าจะกลับบ้านค่ะ คือ ปล่อยไปเรื่อยๆคืนหนึ่งก็เก็บของแพ็คๆไป พอวันที่มันเรียบร้อยแล้วก็ไปเลยค่ะ โดยมีน้องข้างบ้านที่ราชบุรีขับรถกระบะมารับ ตอนนั้นที่เราบอกกับลูกก็คือไปอยู่กับยายกัน ไปอยู่กับแม่เถอะตอนนี้แม่อยู่ไม่ได้แล้วตรงนี้ คือลูกเล็กเราไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะตอนนั้นเขาอายุ 6,5,3 ขวบค่ะ

ถาม และในวันที่สูญเสียคนที่เรารักที่สุดคือความเจ็บปวดที่สุด พี่เจี๊ยบ มีวิธีประคองใจอย่างไรบ้าง
เจี๊ยบ กาญจนาพร : วันนั้นคนที่มาบอกคือ จั้มพ์ ค่ะ จั๊มพ์ กลับไปถึงบ้านโป่งตอน 3 ทุ่ม ก็ไปนอน 3-4 ทุ่มเราก็เข้านอนกัน จั๊มพ์ เขาก็เป็นคนรับโทรศัพท์ เจฟ แล้ว จั๊มพ์ ก็ค่อยๆเดินมาบอกว่า แม่ .. เจย์ ไปแล้วนะ เรายังอ้าว .. ไปไหนอะ !! คือยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ว่าจุดนั้น ไปไหนอีกล่ะ คราวนี้เขาก็พุ่งมาถึงตัวแล้วน้ำตาเขาก็พรากเลย เจฟ โทรมาแม่ เจย์ จากไปแล้วนะ

ถาม ในความยากเย็นทั้งหมดที่วันนี้ พี่เจี๊ยบ มาคุยให้เราฟัง เพื่อจะได้เป็นความรู้เป็นวิทยาทานให้กับหลายๆคน ต้องบอกว่าการสูญเสียคนที่เรารักที่สุดมันเป็นความเจ็บปวดที่สุด
เจี๊ยบ กาญจนาพร : ใช่ค่ะ แต่ย้อนคิดไปถึงการที่เขา แยกสิ่งเหล่านี้ได้เนี่ย เท่ากับเขามีธรรมะนำทาง มันก็เลยทำให้มีความมั่นใจขึ้นเป็นลำดับ ที่จะดำรงอยู่อย่างถูกอย่างควรต่อไป เพื่อเอาตัวเราและลูกอีกสองคน ถึงแม้ว่าเราจะเสียใจมาก ไปไม่ถูกเลยจริงๆ

ถาม คือในความเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในภาวะของการเป็นแม่เนอะ กลับการสูญเสียลูกซึ่งเป็นที่รักมันต้องมี
เจี๊ยบ กาญจนาพร : มันมีสะดุดทุกวันเลยค่ะ แค่ตื่นมาก็สะดุดแล้ว ลืมตาปุ๊บเป็นเรื่องของเจย์วันนั้น เป็นเรื่องของเจย์โรงเรียนนั้น เป็นเรื่องของเจย์ตอนนั้นจนถึงวันนี้ค่ะ เมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนมากนะคะ คือนอนแล้วก็ตื่น นอนแล้วก็ตื่น เพราะเราจะคุยถึงเขาไปรอดไหมดีไหม แล้วมันจะดีต่อ จั๊มพ์ กับ เจฟ ไหม เพราะเราต้องประคองลูกชายเราหมดเลยค่ะ เพราะว่าเทปนี้มันจะต้องเปิดมาฟังมาดู แล้วมันก็ย้อนอะไรต่อมิอะไรได้มากมาย แต่ก็พยายามที่จะพูดในส่วนที่ไม่ได้เกิดโทษ น่าจะเป็นประโยชน์

ถาม ในทางกลับกันเมื่อวันนี้ที่ทุกอย่างเริ่มสงบลง พี่เจี๊ยบ มีโอกาสได้คุยกับลูกๆอีกสองคนอย่างไรบ้าง
เจี๊ยบ กาญจนาพร : ไม่พูดถึงเลยค่ะ เหมือนทุกคนกำลังทำโจทย์การบ้านในใจของตัวเองอยู่ แต่ละคนต้องใช้สติของตัวเอง และการเผชิญของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จั๊มพ์ เผชิญกับ เจย์ อย่างหนึ่งที่หนักเหมือนกัน เจฟ ยิ่งหนักมาก ส่วนแม่เนี่ยเป็นคนที่ประคองได้ดีที่สุด เพราะนำคำสอนธรรมะเหล่านั้นมา จึงเอาจุดนี้มาถ่ายทอดดีกว่า เพราะคนที่อยู่ควรจะมีจุดนี้มากๆ อนาคตไม่รู้ว่าเราจะเจอเรื่องอะไรยิ่งใหญ่กว่าโควิด ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราไม่มีการรีแลกซ์ ถ้าเราค่อยๆมีบรรทัดฐานที่ว่า .. เรียนรู้ด้วยการอยู่สันโดษ เรียนรู้ด้วยการคิดเอง ไปในทิศทางของธรรมะ ศาสตร์พระพุทธเจ้าบ้าง มันจะเป็นพลังที่ดี

ถาม ทุกคนหลีกเลี่ยงการสูญเสียไม่ได้หรอก บางคนสูญเสียกระทันหันมาก บางคนค่อยๆนับเวลาถอยหลัง พี่เจี๊ยบ คิดว่าสติส่วนไหนหรือเราควรบอกกับใจตัวเองอย่างไรบ้าง
เจี๊ยบ กาญจนาพร : มันมีเกิดแก่เจ็บตาย แต่มันมีเกิด ไม่แก่ เจ็บ ตาย อันนี้ใครจะสะสมแล้วเป็นพลัง ที่ทำให้ตัวเองยอมรับกับปัจจุบัน และยอมรับสิ่งที่เป็นจริงที่เกิดขึ้น ว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งก็ต้องเป็นเรา

สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube